เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม อยากรื้อสัตว์ขนสัตว์ๆ แต่มันลึกลับซับซ้อนจนท่านทอดอาลัย ท่านไม่อยากจะสอนน่ะ
แต่มันเป็นสัจจะเป็นความจริงไง เพราะว่าท่านสร้างบุญญาธิการมา ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย การสร้างบุญญาธิการมา ท่านเป็นพระโพธิสัตว์มา พระโพธิสัตว์มันข้องอยู่กับโลก อยู่กับวัฏฏะ เวลาสิ้นกิเลสไปเป็นศาสดา เวลาอบรมสั่งสอนขึ้นมา พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวา เวลาสั่งสอนมาได้ ๖๐ องค์ เห็นไหม “เธอทั้งหลายพ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและบ่วงที่เป็นทิพย์” นี่สำคัญมาก
เพราะถ้าบ่วงที่เป็นโลกมันไม่ติดในโลกธรรม ๘ ไง มันไม่ติดชื่อเสียง มันไม่ลำเอียงไง นี่พ้นบ่วงที่เป็นโลก
เวลาพ้นบ่วงที่เป็นทิพย์ ทิพย์สมบัติๆ ก็หลุดพ้นไปแล้วไง มันไม่ลำเอียงจะไม่สอนมนุษย์ จะไปสอนเทวดา เทวดาเขาสอนง่ายไง
หลวงปู่มั่นท่านพูด ท่านพูดให้หลวงตาฟัง บอกเทวดาสอนง่าย เพราะว่าเขาซื่อสัตย์ เวลาพูดสิ่งใดไปแล้วเขาเข้าใจได้ มนุษย์พูดแล้วไม่เข้าใจ พูดแล้วพูดเล่า พูดแล้วพูดเล่า พูดแล้วมันไม่เข้าใจนะ เพราะว่าทิฏฐิมานะของคนมันไม่เหมือนกันไง แต่เทวดา อินทร์ พรหมของเขา ทิพย์สมบัติเขาเห็นของเขา เพราะอะไร เพราะว่าเขาได้สร้างบุญกุศลของเขามาจนไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหมใช่ไหม
เวลาเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เห็นไหม ดูสิ ในสมัยพุทธกาลมันมีเศรษฐีคนหนึ่ง เขาเป็นเศรษฐีนะ แต่เวลาลูกเขาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาไม่กล้าเรียกหมอมารักษา เขากลัวหมอจะเรียกค่ารักษาแพง สุดท้ายแล้วพอลูกเขาเจ็บไข้ได้ป่วยมาก เขาก็ไปเรียกหมอมา แล้วเอาลูกไปไว้ที่หน้าบ้าน เอาไว้ที่เรือนชานนะ กลัวหมอเขามาเห็นทรัพย์สมบัติของตนไง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็น นี่รื้อสัตว์ขนสัตว์ไง โปรดสัตว์ เห็นว่าเขาจะมีอำนาจวาสนา แค่เดินผ่านไปนะ นี่อยู่ในพระไตรปิฎก เวลาแค่เดินผ่านไป แล้วคนมันป่วยใกล้จะสิ้นชีวิต ก็เอานอนหันหน้าเข้าข้างฝา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปล่งรัศมีฉัพพรรณรังสี
คนมันป่วยอยู่ มันเห็นแสงหรืออะไรมา หันออกมา โอ้โฮ! พระพุทธเจ้า ศาสดาโปรดสัตว์ มันอิ่มอกอิ่มใจมันนะ
พ่อแม่ของเรา ดูสิ เป็นเศรษฐีมีเงินมีทอง จะรักษาเรายังตระหนี่ถี่เหนียว ยังรังเกียจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดสัตว์ เขาได้เห็นแสงฉัพพรรณรังสีนั้นเขาไปเกิดเป็นเทวดา นี่เวลาเขาเกิดเป็นเทวดา เห็นไหม
พ่อก็รักลูกมากนะ เพราะมีลูกชายคนเดียว สมบัติมหาศาลเลย แต่ก็ตระหนี่ว่าสมบัติของเรา จะไม่อยากให้ใครเห็น เพราะเดี๋ยวจะเรียกค่ารักษาแพง เวลาตายไปแล้ว ก็ลูกคนเดียว ฝังศพไว้ใช่ไหม วันหนึ่งเช้ามาก็ไป ไปนั่งคร่ำครวญคิดถึง คิดถึงมัน รักมัน ห่วงใยมัน มานั่งคร่ำครวญ
ไอ้ลูกชายไปเกิดบนสวรรค์ เห็นพ่อมันทุกวันเลย แล้วมารำพึงไง สิ่งนี้เราก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะพ่อแม่ก็ไม่ให้อะไรเลย มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยใช่ไหม นี่ขนาดไม่ได้ทำอะไรเลย เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตผ่านมา เราก็ไม่มีอะไรจะใส่บาตรท่าน เพราะคนเจ็บคนป่วยไง ท่านเปล่งรัศมีมา แค่เห็นรัศมีมันปลื้มใจ มันมีบุญกุศล มันสุขใจ ไปเกิดเป็นเทวดาน่ะ โอ๋ย! พ่อเราเป็นเศรษฐีนะ ถ้าพ่อเราศรัทธานะ พ่อเราทำบุญกุศลนะ มันจะได้บุญมากกว่าเราอีกนะ นี่คิดถึง อยากโปรดพ่อ
เวลาเศรษฐีนั้นก็ไปร้องไห้ที่หลุมศพทุกวันๆ นะ วันนั้นเดินไป เอ๊ะ! เฮ้ย!
เขาแปลงร่างมาเป็นเทพบุตรมานั่งร้องไห้ก่อนไง มานั่งร้องไห้อยู่นั่นน่ะ มานั่งร้องไห้ ไอ้พ่อมา เฮ้ย! วันนี้ใครมาร้องไห้ที่หลุมศพของลูก นี่มาร้องไห้ แล้วร้องไห้ก็แปลกใจ เฮ้ย! เอ็งเป็นอะไร เอ็งมาร้องไห้ทำไม
ร้องไห้จะเอาดาวเอาเดือน
เศรษฐีมันก็ว่า มึงจะบ้าหรือ ดาวกับเดือนมันอยู่บนฟ้า ใครจะไปเอาได้
แล้วมึงมาร้องไห้ คนตายไปแล้วมันจะฟื้นไหม
นี่ลูกไปแก้พ่อ นี่พ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและบ่วงที่เป็นทิพย์ พอได้สตินะ เทวดาลูกก็สอนพ่อ เงินทองมากมายมหาศาล เวลาตระหนี่ถี่เหนียวตายไปแล้วก็เป็นอย่างนี้ เป็นศพมาอยู่ในหลุมนี้ มันจะได้สิ่งใดไป บุญกุศล ได้ทำบุญกุศลแล้ว บ่วงที่เป็นโลกและบ่วงที่เป็นทิพย์ เทศนาว่าการพ่อ อยากให้พ่อได้บุญกุศล
นี่ไง สิ่งที่มันเป็นจริงๆ ไอ้มันเรื่องในหัวใจของคน เทวดามันสอนง่าย มนุษย์มันสอนยาก เพราะมนุษย์มันมีกายกับใจๆ ไง เวลาร่างกายมันบีบคั้น มันต้องการปัจจัยเครื่องอาศัย
แล้วปัจจัยเครื่องอาศัย เวลาทางโลกเขา เขาบอกคุณภาพชีวิตๆ
คุณภาพชีวิตเขาฉันข้าวกับไข่พอแล้ว คุณภาพชีวิตน่ะ มันจะมีคุณภาพชีวิตอะไรของมันขึ้นมา
เวลาส่งเสริมขึ้นมาเป็นปัญหาสังคม แล้วก็มาย่ำมายีกัน มาดูถูกดูแคลนกัน อาหารพื้นถิ่น อาหารท้องที่ ที่ไหนของเขาก็ดีของเขาทั้งสิ้น ถ้าดีของเขา มันเป็นประโยชน์กับร่างกาย มันเป็นประโยชน์กับเขาอยู่แล้ว ถ้าเป็นประโยชน์กับเขาอยู่แล้ว เรามีปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อเลี้ยงชีพ
เลี้ยงชีพไว้ทำไม
เกิดเป็นมนุษย์ เราอ่านพระไตรปิฎก มันมีนะ พวกสัตว์ พวกต่างๆ เวลาเขาเห็นมนุษย์มีอิสรภาพ เขาไปทำบุญกุศลกันน่ะ เวลาสัตว์มันคร่ำครวญในหัวใจนะ เวลาเป็นวัวเป็นควาย ถ้าเจ้าของไม่ผ่อนเชือกให้ก็ไม่ได้กิน ไม่ได้อยู่ เวลาจะกินอยู่ เวลาเกิดเป็นสัตว์มันก็มีความรู้สึกนะ เราต้องเอาใจเจ้านาย เพราะเจ้านายจะได้ไม่ทุบไม่ตี มันจะได้กินอาหารที่พอทนๆ ได้บ้าง เห็นไหม มันก็คิดของมัน มันก็คิด มันอยากเกิดเป็นมนุษย์ไง แต่เวลาเราเกิดเป็นมนุษย์แล้วเรามีกฎหมายคุ้มครอง เรามีสังคมที่ดีงาม สิ่งนี้เราได้คิดหรือไม่ เราคิดได้หรือไม่
“อ้าว! หลวงพ่อ ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีนะ มีแต่ความทุกข์ความยาก”
ใช่ มันเป็นวงจรของเศรษฐกิจ มันมีขึ้นมีลง น้ำขึ้น น้ำลง เวลาน้ำท่าอุดมสมบูรณ์เราก็มีความสุขกัน เวลามันภัยแล้งขึ้นมาเขาต้องช่วยเหลือเจือจานกัน เวลาน้ำมันท่วม ทางรัฐเขาก็ช่วยเหลือ ถุงยังชีพ ถุงยังชีพเพื่อยังชีพกันได้ พอยังชีพกันได้ เงินทองมหาศาลในธนาคาร ทรัพย์สมบัติเก็บไว้เลย มันเอาถุงยังชีพนี่ เพราะหิว ต้องกินนี่ก่อน นี่ไง แค่ยังชีพเท่านี้แหละ
ถ้ามันมีสติปัญญา เห็นไหม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราไปวัดไปวากันก็ไปเพื่อเหตุนี้ไง ไปเพื่อเห็นว่าเรานี้มีคุณค่า ถ้าเรามีคุณค่าขึ้นมาแล้ว เรามีสามัญสำนึกใช่ไหม สามัญสำนึกของคนดีไง คนดีในพระพุทธศาสนาไปวัดไปวา ไปวัดไปวาเพราะอะไร เพราะที่อภัยทาน ที่ทรงศีลไง
เราพยายามหาศีลหาธรรม ศีลธรรมเป็นอาหารของหัวใจ อาหารของร่างกายเราก็แสวงหาของเรา ถ้าแสวงหาของเราด้วยอำนาจวาสนาขึ้นมามันพออยู่พอกิน ถ้าพออยู่พอกินขึ้นมา รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ขึ้นมา เราไม่ต้องไปฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปกับเขา ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปกับเขานั่นน่ะกิเลสมันยุมันแหย่ มันทิ่มมันตำ มันไปของมันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก
พอคิดเรื่องทางโลก เราอ่านหนังสือทางโลก มันเป็นสิ่งประโลมโลก มันมีความโศกความเศร้า ความพอใจ ความยิ้มแย้มแจ่มใสไง เวลาอ่านหนังสือธรรมะไง อ่านหนังสือธรรมะท่านให้ระลึกถึงตัวของเราไง ตัวของเรา เห็นไหม
พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เรามีพ่อมีแม่ เรามีความกตัญญูกตเวที เราเห็นคุณค่าตรงนั้น พ่อแม่จะผิดบ้างถูกบ้างมันเรื่องธรรมดา ลิ้นกับฟันมันอยู่ใกล้กันใช่ไหม ถ้าไปวัดไปวาด้วยกันมันส่งเสริมขึ้นมา เห็นไหม ไปวัดไปวา บุญกุศลไง
สิ่งที่เราทำแล้วมันเป็นอาหารของใจๆ ไง ถ้าเป็นอาหารของใจ หัวใจนี้ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา สิ่งใดที่มันจะไปเผาไปผลาญ มันเผาผลาญธรรมดา ไฟสุมขอนๆ
คนเรามันมีอวิชชา ไอ้อวิชชาอยู่ที่จิตใต้สำนึก เพราะหลวงปู่มั่นท่านสอน เวลาบอกอวิชชาๆ
หลวงปู่มั่นว่า ทุกสรรพสิ่งมันมีเหตุมีผลของมัน มันต้องมีที่มาที่ไปของมัน
อวิชชามันเกิดบนอะไร
หลวงปู่มั่นบอกอวิชชาเกิดบนฐีติจิต อวิชชาเกิดบนความรู้สึก ภวาสวะคือภพ ภพคือสิทธิ คือตัวตน นี่คือภพ
เวลาเราเกิดเป็นมนุษย์ เวลาภพชาติมันเป็นเรื่องผลของวัฏฏะ แต่ถ้ามันไม่มีภวาสวะ ไม่มีภพ ไม่มีปฏิสนธิจิต มันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เวลามันเกิดขึ้นมาแล้ว ถ้าใครมีอำนาจวาสนา ชีวิตก็ราบรื่น ถ้าใครไม่มีอำนาจวาสนาก็ล้มลุกคลุกคลาน ล้มลุกคลุกคลานมากน้อยแค่ไหนขึ้นมามันก็มีร่างกาย มีอวัยวะ ๓๒ เหมือนกัน มันมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนึกคิดของคนมันคิดเผาตัวมันเองนะ “สังคมก็รังแกเรา พ่อแม่ก็ไม่รักเรา ไม่มีใครรักเราเลย”
เอ็งยังไม่รักตัวมึงเลย ถ้าเอ็งรักตัวมึงเอง มึงตั้งสติขึ้นมาสิ พ่อแม่ทำไมจะไม่รักเรา พ่อแม่ให้คลอดออกมาเป็นเราอยู่นี่ ทำไมพ่อแม่ไม่รักเรา แต่มันก็ธรรมดา มันเป็นไปโดยวัยใช่ไหม เพราะวัยเด็กมันก็คิดของมันไปอย่างหนึ่ง เวลาวัยทำงานก็คิดไปอย่างหนึ่ง เวลาชราคร่ำคร่ามันก็คิดไปอย่างหนึ่ง เห็นไหม
เวลาเป็นผู้เฒ่าๆ ขึ้นมา ไม้ใกล้ฝั่งๆ ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด สักวันหนึ่งเราจะต้องตายไปทั้งหมดทั้งสิ้น เกิดมาเท่าไรก็ตายเท่านั้น แต่เวลาอยู่นี่มันเป็นโอกาสของเรา เหมือนเวลาทำงาน เวลาทำงานขึ้นมาเราขยันหมั่นเพียรของเรา เวลาเลิกงานแล้วเราก็จบเรื่องการทำงานนั้น
นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมา ในปัจจุบันเรามีกายกับใจๆ เราต้องปากกัดตีนถีบเพื่อเลี้ยงร่างกายเราแน่นอน ถ้าไม่มีอาชีพ ถ้าเป็นผู้ชรามีเบี้ยยังชีพ รัฐบาลเขาส่งเสริมทั้งสิ้น เพราะอะไร เพราะสิ่งต่างๆ รัฐบาลเป็นผู้ปกครอง เขาต้องทำความดีๆ
แล้วความดีของใคร ความดีมากน้อยแค่ไหน
ความดีมันอยู่ที่ทัศนคติ ทัศนคติของคนที่มันดีงามมากมายไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาทัศนคติดี ทัศนคติที่ดีงาม พยายามแสวงหาสิ่งนั้นๆ แล้วมันเป็นเรื่องโลกๆ เรื่องโลกๆ คือเรื่องร่างกายนี้ แต่เรื่องของจิตใจ วัฒนธรรมประเพณี ประเพณีขึ้นมา เวลาถึงคราวหน้าสารท หน้าตรุษสารท ใครเป็นคนทำ แล้วประเพณีเดี๋ยวมันก็เจือจางไป
เราก็ฟื้นฟูๆๆ ฟื้นฟูก็มนุษย์ทำทั้งนั้นน่ะ เวลามนุษย์ทำขึ้นมามันก็เป็นระบบเศรษฐกิจไปเลย เป็นคุณค่านะ ปีใหม่นี้มีเงินหมุนเวียนเท่าไร วันเข้าพรรษาจะมีเงินหมุนเวียนเท่าไร มันก็กลับมา กลับมาเพราะมนุษย์ทำทั้งนั้นน่ะ แล้วเราก็อยู่ในสังคม
หลวงตาท่านสอน แล้วเราชอบมาก
ใครจะดี ใครจะชั่วมันก็เรื่องของเขา เราจะทำความดีว่ะ
แต่เราจะทำคุณงามความดีเราต้องมีสติไง เพราะเราทำคุณงามความดีนี้ เพราะการย้ำคิดย้ำทำจะเป็นจริตจะเป็นนิสัยของเธอ
เราจะทำแต่คุณงามความดี เราย้ำคิดย้ำทำ จะว่าเราเสียเปรียบ เราโดนคนอื่นเอารัดเอาเปรียบ
เราจะเสียเปรียบ แต่เสียเปรียบด้วยมีสตินะ รู้ทันนะเว้ย แต่เราทำคุณงามความดีของเราว่ะ เราเสียสละว่ะ เราไม่ต้องการเป็นปมเป็นประเด็นขึ้นมาให้มีการกระทบกระเทือนกัน แล้วถ้าเขาทำนะ เราเสียเปรียบด้วยความรู้ทันน่ะ เราเป็นคนให้น่ะ สักวันหนึ่งถ้าเขารู้ว่าเรารู้นะ เขาก็จะอายไปเอง
แต่ถ้าเขาไม่รู้ เพราะอะไร เพราะว่าสภาคกรรม กรรมที่เกิดร่วมกันนะ บ้านเรือนไหนก็แล้วแต่ ถ้าเราอยู่ที่หมู่บ้านใดที่มีคนพาล มันคอยแต่ส่งเสียงดังทำให้เรากระทบกระเทือน มันทุกข์เนาะ แต่บ้านใกล้เรือนเคียงเราเป็นคนดีๆๆ หมดเลย โอ๋ย! มันสุขเนาะ แต่ทำไมเราหาอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ นี่ไง สภาคกรรม กรรมมันเกิดร่วมกันมา
เราก็พยายามทำคุณงามความดีของเรา ถ้าเรามีสิ่งใดก็ เออ! เวรกรรม มันมาเจอสภาพนี้ แต่ถ้าสังคมมันมีมากใช่ไหม มันไม่ใช่มีเราคนเดียวหรอก คนอื่นก็ทนไม่ได้หรอก
ทุกคนปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์ ความดีความชั่วทุกคนรู้ได้ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เรามีสติปัญญายับยั้งของเราได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเรามีสติปัญญายับยั้งได้มาก ถึงเวลาแล้วกฎหมายต้องจัดการเขาไป กฎหมายมีไว้บังคับใช้ ถ้าบังคับใช้ เส้นใครใหญ่ไง
เวลาวัยรุ่นนะ “มึงรู้จักพ่อกูไหม มึงรู้จักชื่อพ่อกูไหม”
มึงยังไม่รู้เลย มึงถามกูทำไม มันบ้าบอคอแตก มันบ้าบอคอแตกเพราะสังคมมันฝังหัวกันมาอย่างไร อยากจะเป็นคนที่มีสิทธิพิเศษ อยากจะเป็นอภิสิทธิ์ อภิสิทธิ์ก็ลาออกแล้ว
มันเป็นความคิดของเราเอง เราสร้างขึ้นมา แล้วเราก็เสพอารมณ์ของเราเอง เราเสพอารมณ์ของเราเองแล้วเราก็จะเป็นแบบนั้น
แต่เวลาเราฝึกหัดของเราๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่มีคุณค่าคือหัวใจของเรานั่นน่ะ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ อย่าไปคิดบ้าบอคอแตก ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรากอดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธะ เราอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วพอเวลาจิตมันเป็นอิสระนะ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี จิตสงบระงับ ฐีติจิต จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ
ไอ้ที่ว่าภพชาติไม่มี อะไรไม่มี
มึงลองทำดูสิ เอ็งเข้าไปสู่จิตของเอ็ง สิ่งที่ยืนยันคือจิตเดิมแท้ของเรา จิตเดิมแท้ของเราจะยืนยันเลยล่ะว่าวัฏฏะมีไหม นรกสวรรค์มีไหม เรามีไหม บุญมีไหม บาปมีไหม มันจะยันกับจิตอันนั้นเลย พอยันกับจิตอันนั้น ผู้ที่ทำความสงบของใจได้จะเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก
เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอนถึงพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เดี๋ยวนี้หัวใจได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
แต่ก่อนนั้นหัวใจมันหลับใหลโดยอวิชชา โดยพญามารครอบงำมันไว้ หัวใจของเราหลับใหลให้กิเลสมันชักนำไป อยากแข่งดีแข่งชั่วกับโลกเขา วันใดวันหนึ่งหัวใจมันตื่นขึ้นมา มันเปิดขึ้นมา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี จิตมันตื่นขึ้นมา ไม่ต้องไปถามใครเลย มันเป็นสัจจะเป็นความจริงเลย แล้วจะไปถามพระ พระไม่ปฏิบัติมันไม่รู้อีกต่างหากนะ “เฮอะ! มีด้วยหรือ”
พระศึกษาธรรมะนะ เวลาเข้าไปถาม “เฮอะ มีด้วยหรือ” แต่ถ้าครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติมาแล้วท่านยืนยันตรงนั้นไง สิ่งที่มีค่าๆ ไง
ชีวิตนี้มีค่ามาก ชีวิตเรามีค่ามาก มีค่าเพราะอะไร เพราะมันทำความดีความชั่วได้ มันประพฤติปฏิบัติได้ มันพ้นจากทุกข์ได้ มันมีอริยสัจในใจของมันได้ มันทำได้ทุกอย่างเลย แต่ตอนนี้มันโดนตัณหาความทะยานอยาก รู้สิ่งใดแล้วก็อยากได้อยากดีครอบมันไว้ มันเลยไม่รู้จักไง
นี่ไปวัดไปวาไปเพื่อเหตุนี้ ที่เขาไปวัดไปวาไปประพฤติปฏิบัติกันน่ะ เรางงนะ เฮ้ย! เขามีเวลาว่างมาวัดเนาะ
เขามีเวลาว่างเพราะเขาจัดสรรเวลาของเขา เขารู้จักการจัดสรร เขาเห็นคุณค่าของชีวิตนี้ แล้วเขาพยายามทำของเขาเพื่อประโยชน์กับเขา เขาถึงเป็นมนุษย์สมบูรณ์ไง
ไอ้เราเป็นคน คนอยู่นั่นน่ะ ไม่เสมอภาคเสียที แต่พอเป็นมนุษย์ที่อุดมสมบูรณ์ของเขา เขารักตัวเขา เขารักจิตใจของเขา เขารักภพชาติที่ได้เกิดชาตินี้ แล้วเขาจะพยายามพิสูจน์สัจจะความจริงในใจของเขา เอวัง