เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ ธรรมะมันละเอียดลึกซึ้งจนคนแบ่งแยกไม่ได้ เวลาคนแบ่งแยกไม่ได้ เห็นไหม บอกว่าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะก็จะเกิดซ้ำๆๆ อยู่อย่างนี้
การเกิดซ้ำๆ อยู่อย่างนี้ ในสมัยพุทธกาลนะ มันมีความเชื่อที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิเสธ ว่าเกิดเป็นมนุษย์แล้วจะเกิดเป็นมนุษย์ตลอดไป เกิดเป็นสัตว์ก็จะเป็นสัตว์ตลอดไป
ไม่ใช่ เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นสัตว์ เกิดเป็นอะไรต่างๆ เกิดเพราะหัวใจของเรานี่แหละ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน หัวใจดวงนี้ ปฏิสนธิจิตเกิดในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ โดยการขับเคลื่อนของกิเลส ของบุญของกุศล
ฉะนั้น เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะแต่มันไม่ใช่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะโดยความปรารถนา โดยการบีบคั้น มันเกิดตามวัฏฏะ เกิดตามแต่บุญกุศล การบาปอกุศล เกิดโดยอวิชชา เกิดโดยความไม่รู้
ฉะนั้น พอเกิดโดยความไม่รู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสอนเรานี่ไง ที่เรามาวัดมาวา เรามาฝึกหัดเพื่อให้จิตใจเรารู้ไง รู้แจ้ง รู้แจ้ง รู้แจ้งในใจของตนไง ถ้ารู้แจ้งในใจของตน มันไม่มีความลังเลสงสัยไง ถ้าไม่มีความสงสัย
“จิตที่ไม่เคยตาย จิตที่ไม่เคยตาย” เราฟังนะ เวลาพระพูด “จิตนี้ไม่เคยตาย จิตนี้ไม่เคยตาย”
จิตมันไม่เคยตาย ความรู้สึกของเรามันตายไม่ได้ ความรู้สึกของเรา ความรู้สึก ธาตุรู้มันสิ้นสุดกระบวนการของมันไม่ได้ แต่สสารวัตถุมันแปรสภาพของมันไป มันยังสิ้นสุดกระบวนการของมันได้ ถ้าสิ้นสุดกระบวนการ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละเอียดกว่าไง ละเอียดลึกซึ้งกว่าความคิดทางวิทยาศาสตร์ ละเอียดลึกซึ้งกว่าสัสสตทิฏฐิ สัสสตทิฏฐิคือว่าต้องเกิดอย่างนั้น อย่างนั้นตลอดไป เกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องเป็นมนุษย์ตลอดไป
ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ตลอดไป มนุษย์มันก็เอาเปรียบเขาน่ะสิ ดูสิ มนุษย์ก็เอาเปรียบเขาใช่ไหม
แต่เวลาเราเกิดเป็นมนุษย์นะ มันมีหลายครอบครัว หลายครอบครัวเขาเป็นดอกเตอร์ เป็นนายแพทย์ด้วย เขาบอกเลยนะ เวลาที่เขาภาวนาไป เขารู้เขาเห็นอะไรนั่นน่ะ เขาไม่กล้าพูดให้เพื่อนเขาฟัง เขามาปรึกษาเราไง
เราบอกว่า ก็พูดสิ มันอัดอั้นตันใจ
พูดไม่ได้ พูดแล้วดอกเตอร์หายเลย อ้าว! ดอกเตอร์ต้องเป็นดอกเตอร์ ดอกเตอร์ต้องเป็นวิทยาศาสตร์ ดอกเตอร์ต้องมีเหตุมีผล แต่ความเเห็นจริงในใจ ทั้งๆ ที่ คนคนนั้นคนคนเดียวกันนั่นแหละ แต่มันพูดออกไปมันไม่ได้
นี่ก็เหมือนกัน เวลาพ่อแม่เกิดเป็นลูก ลูกเกิดเป็นพ่อแม่ ผลัดกันเกิดน่ะ มี มีคนเขารู้ได้ เวลาเขารู้ได้ เขาก็เก็บไว้ในใจว่ามันเป็นความมหัศจรรย์ไง เวลาพูดออกไปทางโลกเขาเชื่อถืออย่างไร เห็นว่าเป็นความครึ ความล้าสมัย เวลาจะศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นนิทาน เป็นชาดก
แต่ชาดกมันมาจากความจริง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพูดนะว่า กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นอย่างนั้น เราเคยเป็นอย่างนั้น
เราเคยเป็นไง เราเคยเป็น เราเคยเป็นอย่างนั้นมา แต่เวลาเคยเป็นอย่างนั้นเป็นนิทานชาดกขึ้นมา ชาดกขึ้นมา มุขปาฐะให้เพื่อเราเข้าใจได้ไง ถ้าเพื่อให้เราเข้าใจได้ เพื่อความเข้าใจได้ นี่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสื่อออกไป สื่อออกไปเพื่อความเข้าใจของสัตว์โลก ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ๆ น่ะ รื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อหัวใจของสัตว์โลก รื้อหัวใจของคนไง ถ้ารื้อหัวใจของคน เห็นไหม
จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ในกำเนิด ๔ ในครรภ์ ในไข่ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ แน่นอน แต่เกิดในสถานะไหน พอเกิดในสถานะไหนแล้ว เวลาเกิดแล้ว มันยังเกิดมาแล้วบุญกุศลพาเกิด เวลาบุญกุศลพาเกิด เกิดมาแล้วชีวิตของเรายังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ไง
คำว่า “ลุ่มๆ ดอนๆ” ทั้งชีวิตเราประสบความสำเร็จหรือไม่ เวลาขาดตกบกพร่องสิ่งใดบ้าง มีความล้มลุกคลุกคลานไง มันจะมาเสมอต้นเสมอปลายโดยสม่ำเสมอหาได้แสนยาก มันมีคราวเฟื่องฟู มีคราวยุบยอบ มันมีคราวของมันเป็นครั้งเป็นคราวไป
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหล่อเลี้ยงตรงนี้ หล่อเลี้ยงเวลาเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มันภูมิใจ เพราะว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันยืนยันไง ยืนยันข้อเท็จจริง แต่พวกเรามองข้ามไง
การเกิดเป็นมนุษย์เกิดเป็นอริยทรัพย์ การเกิดเป็นคนนี่
เพราะการเกิดเป็นคน เวลาคนเกิดมาแล้ว เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอนคนนะ คนโง่กว่าสัตว์ เพราะสัตว์มันมีสิทธิมีเสรีภาพของมันไง เวลาเกิดเป็นคนแล้วมันต้องมีกฎหมายมีกติกา มันรอนสิทธิ์ไง การรอนสิทธิ์ นี่คนโง่กว่าสัตว์ เพราะสัตว์มันมีอิสรภาพ มีเสรีภาพของมันไป
แต่ของเรา เพราะเราอยู่ด้วยกัน คนมันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันเบียดเบียนกัน มันทำลายกันไง มันถึงต้องมีกติกา ต้องมีกฎหมายไง เวลามีกฎหมายแล้ว กฎหมายรอนสิทธิ์ของเราเพราะไม่ให้ไปก้าวก่ายสิทธิ์ของคนอื่นไง
เราก็เหมือนกัน กฎหมายบังคับเราไง มันไม่มีสิทธิ ไม่มีเสรีภาพ นี่พูดถึงว่าเวลาสังคมเป็นชุมชนนะ แต่เวลาพระบวชแล้วให้ไปเที่ยวป่าเที่ยวเขา ให้หาอิสรภาพของตนเอง เวลาให้หาอิสรภาพของตนเอง เราก็บอกว่าไปทุกข์ไปยากไง เราจะอยู่ในสังคม มีคนช่วยเหลือเจือจุน คอยค้ำจุนไง
เวลาคนคอยค้ำจุนมันเป็นเรื่องของมนุษย์ใช่ไหม เวลาเข้าป่าเข้าไป นี่ไง เอ็งเก่งไง เอ็งเก่ง เอ็งก็แสวงหาของเอ็งเองไง
เราเข้าป่าเข้าเขาไปเพื่อความสงบระงับไง
เวลาพระป่าๆ อวดเขาว่าเป็นพระป่า ถ้ามันเอาคำว่า “ป่า” มาอวดเขานะ สัตว์ป่ามันดีกว่าเราอีก เพราะสัตว์ป่ามันเกิดในป่า มันโตในป่า แล้วมันก็ตายอยู่ในป่านั่นน่ะ มันไม่เห็นสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ของมันไปเลย มันจะสูญสิ้นก็คนไปล่ามันนั่นแหละ
สิ่งที่คนไปล่ามัน สิ่งที่ว่ามันเป็นสัตว์ มันก็อยู่ป่าของมัน แต่ไอ้ของเราก็อยากจะจับมันมาขังกรงไว้ เป็นสวนสัตว์ให้คนมาศึกษา เวลาสิ่งที่ว่าถ้ามันเป็นพระป่าแล้วมันมีคุณค่าจากการอยู่ป่าอย่างนั้น เวลาเป็นพระป่าๆ เขาดูที่ธุดงควัตร ๑๓
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการนะ สิ่งที่ปรารถนาของสัตว์โลกไง ความปรารถนานะ เราปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์
เวลาปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์ ความสุขของใคร ความสุขทางโลกๆ เด็กๆ ให้ของมัน ของเล็กน้อย โอ้โฮ! มันมีความสุขใจของมันนะ เวลาผู้ใหญ่ขึ้นมาให้แค่นี้ได้ไหม ไม่ได้ นี่ความสุขเจือด้วยอามิส มันมีแรงปรารถนา ได้สิ่งใดมาแล้วสมความสุข แล้วกิเลสมันก็ยุมันก็แหย่ไง จะเอาเท่านั้นๆๆ ต่อเนื่องไป เห็นไหม อาบเหงื่อต่างน้ำมาเพื่อสนองตัณหาความทะยานอยาก มันไม่มีวันจบวันสิ้นหรอก
ความสุขที่แท้จริง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีไง
เราไปวัดไปวา วัดวาที่เป็นพระป่าๆ นั่นน่ะ เวลาพระป่าด้วยธุดงควัตร วัตรไม่ร้าง วัตรไม่ร้างก็หัวใจมันมีกติกาของมัน หัวใจมีกติกาของมันนะ
หลวงปู่มั่นบอกหลวงตา “มหา มหาเป็นผู้ที่พรรษามากแล้วไม่ต้องขึ้นมานะ ให้พระเล็กเณรน้อยมันขึ้นมา เพราะพระเล็กเณรน้อยขึ้นมามันจะได้มีข้อวัตรติดหัวใจมันไป”
เวลามีข้อวัตรติดหัวใจมันไป เรารู้ถึงกติกา เรารู้ถึงวิธีการ แล้วมันจะโง่หรือมันจะฉลาด มันจะทำหรือไม่ทำมันสิทธิของมัน ถ้าสิทธิของมันนะ มันจะได้มีข้อวัตรติดหัวมันไป เวลาติดหัวมันไป พระป่าเขามีข้อวัตรปฏิบัติของเขา วัตรเขาไม่ร้าง ในวัดน่ะถ้ามีพระอยู่ เขามีกิจของสงฆ์ เขามีการกระทำของสงฆ์ วัดนั้นน่ะเป็นที่รื่นเริง เห็นไหม
ดูสิ เวลาเทวดา อินทร์ พรหม หลวงปู่มั่นท่านพูด เวลาเทวดามาฟังเทศน์ท่านนะ แล้วเวลาจะกลับไปเขาก็สาธุนะ เขาบอกเลย มาทางนี้ พระนอนเหมือนซากศพ มันน่าเกลียดน่ะ
นี่ขนาดว่าเขาอุทธรณ์นะ เทวดาเขาเห็น หลวงปู่มั่นท่านก็เผดียงพระไง บอกว่าเส้นทางสายนี้ ทางตะวันตก เทวดาจะมาทางนี้ ถ้ากุฏิใครอยู่ทางนี้ เวลาจะนอนให้นอนในกุฏิ ปิดประตูหน้าต่างไว้ให้ดี คนเขาเห็นแล้วเขารับไม่ได้
แล้วเวลาหลวงปู่มั่นท่านแก้กับเทวดา “อ้าว! ก็คนมันหลับมันก็ไม่มีสติ มันก็เป็นอย่างนั้นน่ะ”
ใช่ มันหลับไม่มีสติ แต่เป็นสมณะเป็นนักบวชไง
เห็นไหม นี่พระป่าๆ ไง พระป่าเขามีกติกา แม้แต่นอนหลับไปแล้วมันควรจะทำความเรียบร้อย ไม่ควรๆๆ
เวลาครูบาอาจารย์สอน เวลานอนให้ปิดประตู เวลาทำอะไรแล้วไม่ให้เขาเห็น สมณสารูป ให้มันรู้ก็รู้ในครอบครัวของพระ พระเขาจะรู้กันเองว่าสิ่งใดเป็นอย่างไรไง
ของเรา เราเป็นชาวโลกใช่ไหม เราชาวโลกเราก็ว่าควรอย่างนั้น ไม่ควรอย่างนั้น แล้วเวลาบวชเป็นพระแล้วพระต้องยิ่งใหญ่ พระต้องสมความปรารถนา เราคิดอย่างไร พระมันจะสูงส่งไง
สูงส่งโดยใจ ใจนี้สูงส่งมาก สูงส่งเพราะอะไร เพราะมันเห็น เวลาประพฤติปฏิบัติไปแล้ว เห็นไหม เวลาที่หลวงปู่มั่นท่านสอนไง ให้มีข้อวัตรติดหัวใจมันไป ถ้ามีข้อวัตรติดหัวใจมันไป มันทำตามข้อวัตรนั้นนะ เครื่องอยู่ของใจๆ
หัวใจ หัวใจเวลามันฟุ้งมันซ่าน เวลามันดีดมันดิ้น มันไปรอบโลกเลย มันยึดเป็นของมันหมดเลย แต่เราพุทโธๆ จนมันสงบเข้ามา นั่นแหละข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมาเป็นเครื่องอยู่ของใจ
ถ้าใจมันมีเครื่องอยู่น่ะ มีพุทโธ มีธัมโม สังโฆ มันเกาะตรงนั้นไว้ มันไม่คิดฟุ้งซ่านไปข้างนอก ถ้าใครมีสติมีปัญญาเขาจะรักษาหัวใจของเขาให้อยู่ในพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แก้วสารพัดนึก
แก้วสารพัดนึกของโลกเขา เขาก็ว่าทำบุญกุศลแล้วได้บุญกุศลของเขา เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะให้เกิดลาภสักการะ ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของเขา
ผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร สิ่งนี้มันเป็นผลของวัฏฏะ เป็นผลของประจำโลกอยู่แล้ว เราจะเอาความจริงของเรา เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าจิตมันสงบระงับเข้ามา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี
เขาหาความสุขกันนะ หาความสุขกัน หาไม่เจอ เวลาพระเราอยู่ในป่าในเขา เวลาจิตมันสงบ โอ้โฮ! นี่หามาตลอด หามาอยู่แล้วนะ หามาแล้ว พอมันได้แล้วมันติดใจ พอติดใจขึ้นมา เพราะอะไร
เพราะว่าการลงทุนลงแรง เราจะได้สิ่งใดมา เราต้องมีสิ่งใดไปแลกเปลี่ยนมา เราถึงได้วัตถุสิ่งนั้นมาเพื่อความพอใจ แต่เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ให้จิตมันมีนวกรรม จิตมีการกระทำไง นี่จิตมีการกระทำนะ
เวลามันคิดของมัน มันคิดไปธรรมชาติของมัน ไม่มีใครควบคุมดูแลมัน ปล่อยมันอิสระเลย เหมือนควายถึก โคถึกมันขวิดไปทั่ว แล้วมันก็ขวิดหัวใจมันเองด้วย แต่เวลามีสติปัญญา นึกพุท นึกโธ นึกพุท นึกโธ อกจะระเบิด มันโดนบังคับ
มันเคยเป็นอิสระ มันยิ่งใหญ่ มันบัญชาการอะไรก็ได้ แต่พอเรามาควบคุมมันนะ มันกระฟัดกระเฟียดๆ เวลาไอ้คนที่มันทำไม่เป็นไง แต่คนที่เป็นน่ะรู้
ดูสิ เขาเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเขาป้อนหญ้ามัน
เวลาหลวงตาท่านขึ้นไปหาหลวงปู่มั่นไง เวลาท่านเข้มงวดกับใจของท่านมากจนเกินไปไง มากจนเกินไปนะ
หลวงตาท่านสอน ม้าที่มันคึกมันคะนอง ถ้าจะอบรมสั่งสอนมันน่ะ ถ้ามันคึกคะนองมากเกินไป เขาก็ไม่ให้มันกินอาหาร แล้วถ้าเขาบังคับบัญชามันได้บ้าง เขาก็ให้มันพอประมาณ จนกว่าเขาจะฝึกฝนมันได้ดีแล้วเขาถึงจะให้มันอยู่โดยปกติ
หลวงตาท่านรู้เลย ข้อวัตรปฏิบัตินี่ สิ่งที่มันอยู่ในหัวใจนี่ สิ่งที่เราค้นคว้ากันอยู่นี่ พระป่าๆ เขาเป็นกันตรงนี้ เขาเป็นกันตรงที่หัวใจ
แต่คนมันหยาบ สิ่งใดก็แล้วแต่มันจับต้องอะไรไม่ได้ มันฝึกฝนอะไรไม่ได้ ใจของเราเป็นนามธรรมที่ควบคุมอะไรไม่ได้เลย ก็อาศัยป่าช้า อาศัยสัตว์ป่า อาศัยสิ่งที่น่ากลัว เพราะมันเข้าไปแล้วมันไม่กล้าคิดนะ ไปอยู่กับเสือ เดี๋ยวมันตะปบนะ คิดไม่ได้ ก็กลัว กลัวก็มาพุทโธๆๆ นี่ไง เหมือนเรากลัวผี กลัวผีก็ไปหาพระหาเจ้า
นี่เหมือนกัน เวลามันตื่นกลัวของมัน มันทำของมัน พอมันไปอยู่ป่าอยู่เขาจนมันเคยชิน มันเคยชินนะ มันเคยชินที่ไหนก็แล้วแต่ เขาให้สับเปลี่ยน ให้มันไม่คุ้นเคย ไม่คุ้นเคยกับสิ่งนั้น ให้มันตื่น
เวลาหลวงตาท่านสอน ให้เป็นเขยใหม่
เวลาแต่งงานเข้ามาในบ้าน เขยใหม่ เขยใหม่เข้ามาระวังนะ มันไม่เคยอยู่บ้านนี้มันต้องระวังตัวของมัน นี่ให้จิตใจเราเป็นเขยใหม่ ระวังอยู่ตลอดเวลา ระวังอยู่ตลอดเวลา นี่การรักษาใจ
ถ้าพระป่าๆ เขาไม่ใช่ป่าเถื่อน
มีคนเสียดสีมากเดี๋ยวนี้ ว่าพวกป่าเถื่อน
พวกป่าที่มีรสนิยมต่างหากล่ะ พวกป่าที่เขาเห็นคุณค่า เห็นคุณค่าของหัวใจนะ
จิตนี้ไม่เคยตาย จิตนี้ไม่เคยตาย แล้วเราเกิดมาชาตินี้ชาติหนึ่ง พอเกิดมาชาติหนึ่งแล้วเราก็ปล่อยปละละเลย ศึกษาโลกเป็นวิชาชีพ การศึกษานี้มันสำคัญ สำคัญ ทางวิชาการเขาให้เลือกระหว่างคนดีกับคนเก่ง เอาใคร
คนเก่งคือเรียนเก่งไง แต่คนดี ถึงมันจะเรียนปานกลางหรือเรียนไม่ได้ แต่มันคนดีนะ มันดีแล้ว ความเก่งค่อยไปฝึกหัดมัน ถ้ามันดีของมันไง
ความดีที่เรามาวัดมาวา เรามาฝึกหัดของเรา ศีลธรรมจริยธรรมเป็นความดีของหัวใจ ถ้าความดีของหัวใจ หัวใจที่มันมีความดีหล่อเลี้ยงของมันไว้ มันมีความดีหล่อเลี้ยงหัวใจ มันจะทำสิ่งใดมันรู้ถูกรู้ผิดไง
ความรู้ผิดชอบชั่วดี ทำสิ่งที่ไม่ดี คนอื่นเขาไม่ชอบ เราก็ไม่ชอบ ถ้าเราไม่ชอบสิ่งใด คนอื่นก็ไม่ชอบอย่างนั้นเหมือนกัน เราไม่ควรทำกับเขาอย่างนั้น
เวลาคนตกทุกข์ได้ยาก โดยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์นะ เราจะช่วยเหลือเจือจานเขา เราจะต้องมีให้เกียรติเขานะ ให้เกียรติเขาด้วยการการดูแลรักษาเขา ไม่ใช่ไปเหยียดหยามเย้ยหยันเขาแล้วก็จะไปดูแลเขา มันไร้สาระ
ถ้าคนเห็นคุณค่าของใจแล้ว ใจเหมือนกัน จิตเหมือนกัน สัตว์มันก็มีความรู้สึก คนก็มีความรู้สึก แต่เอาวาสนาของเขาไง เขาเกิดเป็นสัตว์ แต่ถ้าเป็นสุนัขของเศรษฐีมันก็เอานะ ใส่เสื้อเพชร หมามันเกิดมามันยังมีคุณค่าไม่เท่ากันเลย นั่นน่ะเพราะอะไร นั่นบุญกุศลของมันทั้งนั้นน่ะ
แต่เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ถ้าพระพุทธศาสนา แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ภวาสวะ ภพ ถ้ามันเป็นธรรมขึ้นมาแล้วนะ ใครก็พึ่งพาอาศัยได้ ร่มโพธิ์ร่มไทร นกกามันอาศัย
ครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆ ความเป็นธรรม หัวใจท่านเป็นธรรมแล้ว ร่มโพธิ์ร่มไทร ถ้าหัวใจเป็นธรรมนะ ไม่รังเกียจเพราะรัก ไม่รังเกียจเพราะชัง ไม่ลำเอียงเพราะรัก เพราะชัง เพราะพวกเราพวกเขา พวกเราพวกเขาก็คนทั้งนั้นน่ะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สงฆ์ปกครองสงฆ์ไง ให้สังฆะยิ่งใหญ่ไง ให้ธรรมวินัยยิ่งใหญ่นะ ผิดคือผิด ถูกคือถูก ใครทำผิดก็คือผิด ใครทำถูกก็คือถูก มันจะมีพวกเราพวกเขาที่ไหน เพราะการกระทำนั้นคือกรรม
กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เราสร้างเวรสร้างกรรมเอง การกระทำนั้นคือกรรมทั้งสิ้น ถ้าการกระทำคือกรรมทั้งสิ้น เราจะทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีเพราะอะไร เพราะหัวใจเราอ่อนด้อย เราไม่รู้ว่าความดีที่แท้จริงมันคืออะไร
ความดีที่แท้จริงนะ มันอยู่กลางหัวใจเรานี่ นั่งลง หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หาหัวใจของเรา หาพุทธะ
สิ่งที่จิตที่ไม่เคยตายที่มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันไม่เคยตาย แล้วถ้ามันสงบระงับเข้ามา พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เวลาจิตสงบแล้วมันรู้มันเห็นอะไรของมัน รู้เห็นนั่นมันก็รู้เห็นตามธรรมชาตินะ แต่ต้องฝึกหัดภาวนามยปัญญา
ภาวนามยปัญญาคือปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คืออริยสัจ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ พอมันเห็นใจของมันแล้วมันจะค้นคว้าเลย อะไรมันพามาเกิด เกิดแล้วทุกข์หรือไม่ทุกข์ เกิดแล้วพอใจหรือไม่พอใจ ได้สมาธิแล้วอยากได้สมาธิอีก เวลาฟุ้งซ่านเราไม่อยากได้
ถ้าปัญญามันเกิดตรงนั้นมันแก้ไขกันที่ต้นเหตุ มันแก้ไขที่ปฏิสนธิจิต จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง นี่ครูบาอาจารย์ที่สอน ท่านสอนทำความสงบของใจเข้ามาก่อน เพราะต้องการตรงนี้ไง ต้องการแก้กันที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้กันที่ปลายเหตุ
แก้กันที่ปลายเหตุคือแก้กันที่อารมณ์นี่ไง พยายามควบคุมอารมณ์ ดูแลรักษาอารมณ์ไว้ ว่างๆ ว่างๆ นี่คือปลายเหตุ
ต้นเหตุอารมณ์มันเกิดที่ไหน มันเกิดอย่างไร มันเกิดมาเพราะอะไร แล้วมันเกิดมาเพราะมันโง่หรือมันฉลาด ถ้ามันไปรู้ไปเห็นเข้า นี่ภาวนามยปัญญา นี่พูดถึงว่าสิ่งที่เป็นธรรมๆ ไง
สิ่งที่เป็นสัจธรรมนะ มันอยู่กับหัวใจเรานี่แหละ แต่เราก็เข้าใจไม่ได้ พระบวชใหม่ก็เหมือนกัน เราบวชใหม่ก็เหมือนกัน เราก็ทำไม่เป็น
หลวงตาท่านจบมหาแล้วท่านอยากนิพพาน ท่านจะทำจริงๆ ขึ้นมาท่านยังสงสัยเลย ต้องไปหาหลวงปู่มั่นไง มันเป็นธรรมชาติของหัวใจ มันยิ่งใหญ่ มันไม่ยอมใคร มันว่ามันแน่ มันยอด แต่มันไม่รู้จักตัวมันนะ แล้วมันหาตัวมันไม่เป็นด้วย
ทั้งๆ ที่ศึกษามาจบ ๙ ประโยคนั่นแหละ วิธีการ ๙ ประโยค วิธีการการค้นคว้าหาใจของตน แล้วพาใจของตนให้พ้นจากกิเลส วิธีการที่เรียนมายังทำไม่เป็นเลย เวลาไปหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านถึงพาให้ทำ ท่านสอนให้ทำ
แล้วนี่เรามาวัดมาวา พระป่าๆ เขาป่าตรงนี้ไง ป่าโดยความสงบสงัดในใจ ป่าเพราะคุณธรรมในใจ ไม่ใช่ป่าเถื่อน ป่าที่เหยียบย่ำทำลายคนอื่น ไม่เห็นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
มนุษย์มีคุณค่าเท่ากัน แล้วน่าสงสารมาก ธรรมสังเวช สังเวชถึงการเหยียบย่ำทำลายกัน มันสังเวช
แต่ถ้ามันมีการกระทำนะ เวลาเราเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เวลาเข้มงวดขึ้นมาเขาสงสาร
ไม่ใช่ นี่คือวิธีการ พยายามจะกดความอหังการในใจของตนให้ลง พยายามทำใจของตนให้เป็นอิสระ แล้วทำใจให้มันมีคุณค่า แล้วพอมีคุณค่า นั่นแหละพระป่า ป่าจากการประพฤติปฏิบัติ ป่าจากสัปปายะ หาที่ฝึกหัดตน เพราะเริ่มต้นเรายังอ่อนแอ เรายังไม่มีกำลัง
ทารกไปฝากเนิร์สเซอรี เพราะอะไร เพรามันอยู่กับใครไม่ได้ มันต้องอยู่ในสถานที่ปลอดเชื้อน่ะ หัวใจมันยังเกิดขึ้นมาไม่ได้ เราพยายามสร้างมันขึ้นมา
“แหม! ต้องหลบต้องหลีก ไม่จริงนี่หว่า จริงต้องอยู่ในสังคม”
เออ! จริงอย่างนั้นมันก็พิการหมดไง พิการทางความคิด พิการเรื่องหัวใจ
แต่ถ้าคุณธรรมในใจๆ มันอยู่ไหนก็อยู่ได้ จะป่าจะเขาที่ไหนมันมีความสุขของมัน ความสุขอันนี้เกิดจากธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราพยายามประพฤติปฏิบัติค้นคว้าขึ้นมาให้เป็นความจริงขึ้นมา นั้นคือคุณธรรมในหัวใจของตน เอวัง