เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๒ ต.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐมาก ประเสริฐจนคนที่จะค้นคว้าได้ต้องมีบุญญาธิการมหาศาลถึงจะค้นคว้าธรรมะอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบนั้นได้

คนที่มีคุณธรรมในหัวใจ เห็นไหม คนที่มีคุณธรรมในหัวใจไม่กีดไม่ขวาง ไม่ทำลายใครทั้งสิ้น ไม่เป็นโทษกับใคร มันไม่เป็นโทษกับตัวเองแล้วจะเป็นโทษกับใคร

ธรรมะอะไรที่มันกีดมันขวางในใจของตนมันขัดมันแย้ง มันดื้อมันด้าน มันจะเอาชนะเขา มันจะเหยียบย่ำเขา

เฮ้ย! อย่างนั้นเป็นธรรมะเหรอวะน่ะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาเป็นมรรค มรรคหยาบ มรรคละเอียด เวลามรรคนั่นน่ะถ้ามันโหดร้าย มันโหดร้ายกับกิเลสในใจของผู้นั้น

เวลาหลวงตาท่านพูดไง เวลาคิดถึงการประพฤติปฏิบัติขึ้นมา คิดแล้วมันยอกใจ คือมันเสียว ให้ทำอย่างนั้นอีกจะทำได้หรือไม่ แต่ได้ มันได้เพราะอะไร มันได้เพราะมีความทุกข์ไง มันได้เพราะมันมีความทุกข์ความยากมันบีบมันคั้นในหัวใจของเรา

คนเราเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ทุกคนก็อยากจะหาย ไอ้คนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บไปหาหมอ หายไหม หายไหม หายไหมทันที

นี่ก็เหมือนกัน เวลามีกิเลสในหัวใจของตนนะ ถ้าคนที่เขามีสติมีปัญญา เขาเป็นปราชญ์ เขาเป็นสุภาพบุรุษ เวลาเขาจะสร้างคุณธรรมของเขา เขาจะเอามรรคเอาผลทำลายกิเลสในใจของเขา

เวลาทำลายกิเลสในใจของเขา แก่นของกิเลส ไม่มีสิ่งใดที่เหนียวคงทนเท่ากับกิเลสในใจของสัตว์โลก ในโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรมันเหนียวแน่นแก่นแท้เท่ากับกิเลสในใจของสัตว์โลก แล้วคนที่เขาจะไปชนะกิเลสในใจของเขา เขาจะต้องมีอะไรเข้าไปทำ

เขามีมรรค ๘ ดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ

เพียร เพียรวิริยะ เพียรอุตสาหะของคนที่หยาบ คนที่กลาง คนที่ละเอียด คนที่ละเอียดสุด เขาละเอียดลึกซึ้ง ผู้บริหารไง ผู้รับผิดชอบไง อวิชชาไง เวลามันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาอย่างนั้นไง

ธรรมะไม่มีหรอกที่จะไปกีดไปขวาง จะไปเหยียบไปย่ำไปทำลายใครน่ะ จะไปอยู่บนหัวคนไม่มีหรอก ไอ้นั่นกิเลสทั้งนั้นน่ะ นั่นล่ะมาร

แต่ถ้าเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ ท่านเป็นธรรมๆ ขึ้นมา ท่านเป็นธรรมแล้วท่านสังเวชไง ท่านไม่สังเวชคนอื่นนะ ท่านสังเวชกิเลสในใจของท่านน่ะ กว่าจะเจอมัน จะขุดคุ้ยหามันเจอ

ไอ้นี่กิเลสยังหาไม่เจอเลย เที่ยวสอนเขา แหม! ธรรมะเลอเลิศ

กิเลสมึง มึงยังไม่เห็นเลย ถ้ามึงเห็นมึงจะไม่เหยียบย่ำทำลายคนอื่น เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ามันเป็นกิเลสนะ เวลากิเลสที่ธรรมะจะปราบจะปรามมันน่ะ อันนั้นต้องเข้มแข็ง

เวลาจะทำขึ้นมา เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ในทางจงกรม นั่งสมาธิภาวนา อดข้าว อดนอน ผ่อนอาหาร เขาบอกเป็นอัตตกิลมถานุโยค เพราะมันจะถนอมกิเลสไง กิเลสมันจะพลิกมันจะแพลงเอาธรรมะเป็นอาวุธมาทำลายเราไง ปฏิบัติธรรมต้องนุ่มนวล ปฏิบัติธรรมต้องอ่อนหวาน กิเลสมันเอาธรรมะมาทำลายเราไง แล้วมันก็ไม่ได้อะไรเลยนะ นุ่มนวลอ่อนหวาน เจริญพรๆ เจริญพรมาถึงแล้วกลับบ้าน

แต่เวลาเราอยู่กับครูบาอาจารย์นะ ที่ศาลานี้ไม่ต้องการคนเซ่อ เวลาคนขึ้นมาบนศาลาท่านน่ะ เพราะอะไร เพราะท่านขัด ท่านดูแลเรี่ยมเลย คนมาเดินประมาทหกล้มเลย ลื่นหัวฟาดหมดเลย แล้วมันก็มี เดี๋ยวมาตึง เดี๋ยวมาตึงประจำนะ ก็เห็นๆ อยู่ทุกวันน่ะ

เวลาใครมาหงายหลังตึง ท่านจะบอกเลย “ศาลานี้ไม่ชอบคนเซ่อ”

คนเซ่อนะ นี่ไง ท่านขัดของท่าน ท่านดูแลของท่านไง ท่านขัดของท่าน ดูแลของท่านเพื่ออะไร ก็เพื่อขัดเกลากิเลสในใจของท่านไง ถ้าในใจของท่านมันมีข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมา เขาจะดูแล เขาจะรักษา ดูแลรักษาสิ่งที่เราพึ่งพาอาศัย

สังฆะ สงฆ์ สงฆ์ที่เป็นใหญ่ๆ สงฆ์นี้เกิดจากใคร เกิดจากพระ ๔ องค์ขึ้นไป

พระ ๔ องค์ขึ้นไปมันมีความรู้ความเห็นเหมือนกันใช่ไหม พระ ๔ องค์ขึ้นไปมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกันใช่ไหม

ไม่เหมือนกันสักคนหนึ่ง ถ้าไม่เหมือนกันสักคนหนึ่ง คนที่ชอบสิ่งใด ทำสิ่งใดนะ เขาจะดูแลสิ่งนั้นเป็นเครื่องอยู่ๆ เป็นเครื่องอยู่ให้หัวใจมันเกาะสิ่งนี้ไว้ไง ทำข้อวัตรปฏิบัติไปแล้วหัวใจมันรื่นเริงอาจหาญ เห็นไหม

ไม่ใช่เราอยู่ในกองเงินกองทอง ทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ นอนอยู่บนกองเงินกองทองนะ ไปอยู่คอนโดชั้นสุดยอดเลย วิวทิวทัศน์แจ่มใสเลย แต่มันจะเป็นจะตาย ผูกคอตายอยู่บนคอนโดนั้นเลย นั่นน่ะ อย่างนั้นเป็นสุขหรือ

แต่เราทำข้อวัตรปฏิบัติของเรา เรามีความสุขของเรา เราพอใจของเรา วัจจกุฎีวัตร วัตรในห้องส้วมห้องน้ำ ขัดถูทำความสะอาด ทำความสะอาดเพื่ออะไร เพื่อเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทำความสะอาดเพื่อโยมหรอก

โยมบอกว่า อู๋ย! ไม่กล้าใช้

พระทำ พระเขาไม่ได้ทำเพื่อโยมหรอก เขาเคารพครูบาอาจารย์ของเขา เขาเคารพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนไว้ ก่อนพระจะเข้าฐาน กระแอม ต้องกระแอมกระไอก่อนว่ามีคนข้างในหรือไม่ ถ้าไม่มีเราถึงจะเข้าไปนะ

วัจจกุฎีวัตร ก่อนจะเข้าส้วมเข้าฐานเขาทำอย่างไร เข้าส้วมเข้าฐานแล้วจะออกจากส้วมจากฐานจะทำอย่างไร นี่เขาเคารพพระพุทธเจ้าของเขา ที่เขาทำกันอยู่นี่เขาเคารพพระพุทธเจ้า เคารพธรรมวินัย ธรรมวินัยเป็นศาสดาของเธอไง

ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเธอ ธรรมและวินัย วัจจกุฎีวัตรมันมาจากไหน มันมาจากข้อวัตรปฏิบัติ มันมาจากพระไตรปิฎก มาจากคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เขาเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใจเขาลงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาทำเพื่อคำสั่งคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาไม่ได้ทำเพื่อโยมหรอก โยมไม่ต้องกังวล ไม่ใช่หน้าที่ หน้าที่ของใครของมัน หน้าที่ของตนต้องดูแลใจของตน

เวลาดูแลใจของตนนะ เวลาไปวัดไปวา ที่ไหนที่เขาทำข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมานะ นั่นเขาใกล้พระพุทธเจ้า เขาเคารพพระพุทธเจ้า ถ้าที่ไหนเขาไม่ทำ เขาทิ้งๆ ขว้างๆ นะ นั่นน่ะมหาโจร ถ้ามหาโจรเขาทำอย่างนั้นก็เรื่องของมหาโจรเขา

มหาโจร เห็นไหม โจรเวลาจะปล้นมันต้องไปปล้นที่บ้านเขา มหาโจรมันให้เขาเอามาให้ถึงที่เลย นั่นน่ะพวกมหาโจร

มหาโจรก็ส่วนเรื่องมหาโจร มหาโจรในใจของเขาไง พอมหาโจรในใจของเขา เห็นไหม เวลาหลวงตาท่านสอนไง เวลาชาวพุทธเรา ชาวพุทธเรากราบผ้าเหลืองๆ หลวงตาท่านบอก กราบผ้าเหลือง มึงก็ไปกราบที่เสาชิงช้าสิ เสาชิงช้าเยอะแยะ

นี่ไง เขากราบคนที่มีคุณธรรม คนที่มีจิตใจสูงส่ง คนที่มีคุณความดีมากกว่าเรา แล้วผู้ทรงศีลๆ วัดเป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีล ถ้าเขามีศีลมีธรรมของเขา เราจะถวายทาน เราทำประโยชน์ของเรา

ผู้ทรงศีลเขาไม่มีอาชีพ ไม่มีหน้าที่ ไม่มีการแข่งขัน ไม่มาฉกมาฉวยอะไรกับเราทั้งสิ้น เราควรเคารพบูชาคนอย่างนั้น ถ้าเคารพบูชาคนอย่างนั้น ที่เราทำนี่เราก็เคารพพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เวลาพระเขามีข้อวัตรปฏิบัติของเขา เขาก็เคารพพระพุทธเจ้าของเขา เขาเคารพพระพุทธเจ้า เขาทำตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เราเป็นชาวพุทธไง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อุบาสก อุบาสิกาของเรา เราเป็นชาวพุทธๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามอบพินัยกรรมไว้ให้ไง พระพุทธศาสนานะ ฝากไว้กับบริษัท ๔ ไง อุบาสก อุบาสิกา

อุบาสก อุบาสิกาถ้ามีหูตามากน้อยขนาดไหน อุบาสก อุบาสิกาแจ่มแจ้งขนาดไหน อุบาสก อุบาสิกาทำหน้าที่การงานของตนมากน้อยขนาดไหน อุบาสก อุบาสิกาเขามีศีล ๕ พยายามรักษาในครอบครัวของตน

ผู้ที่มีเวรมีกรรมต่อกันถึงมาเกิดเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นตระกูล เป็นชาติเดียวกัน ถ้าเป็นชาติเดียวกัน มีเวรมีกรรมต่อกัน กรรมดีก็มีความดีงามส่งเสริมต่อกัน ถ้ามีเวรมีกรรมต่อกัน การที่มีการกระทบกระเทือนกัน อันนั้นเราก็เชื่อธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่เป็นอดีต สิ่งที่เป็นอดีตเราไม่เอามาเป็นสิ่งที่อ้างอิงเพื่อจะทำลายกัน สิ่งที่เป็นอดีตเราก็วาง อดีตเราแก้ไม่ได้ เราแก้ในปัจจุบันนี้ไง

ถ้าแก้ปัจจุบันนี้ ถ้าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมา ถ้ามันไม่มีสิ่งใดที่มันขัดแย้งกัน อันนี้มันเป็นวิบาก วิบากเพราะทำมาแต่อดีตใช่ไหม ทำมาแต่อดีตเราก็ปล่อยวางมันไป ทำมาแต่อดีต อดีตที่ทำมา ทำมาคือโอกาส คือจังหวะ

แต่ที่ผลในปัจจุบันไม่ใช่อดีต ผลที่ปัจจุบันมันด่ากูอยู่นี่ ผลปัจจุบันมันเป็นอดีตตรงไหน ก็มันด่ากูอยู่นี่

เออ! มันด่าก็มันด่า ด่าเพราะมันเป็นจริตเป็นนิสัยของเขา เราก็ตั้งสติสิ อ๋อ! อันนี้เขาก็ชื่นชมเรา เขาบอกถึงความบกพร่องของเรา ถ้าเราบกพร่อง ถ้าเราไม่บกพร่อง คนพาล คนพาลก็อยู่ส่วนพาล เราก็ตั้งสติของเราไง นี่มันต้องฝึกๆ

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าใครฝึกหัดขึ้นมาแล้วมันจะเป็นประโยชน์ ถ้าเป็นประโยชน์ สิ่งที่เป็นอดีตก็เป็นอดีต ในปัจจุบันนี้ก็เป็นปัจจุบัน ถ้าในปัจจุบันนี้ถ้าเรามีสติปัญญา

ก็มันด่ากู

อ้าว! ก็มันด่ากู มันด่ากูมันถูกหรือมันผิดล่ะ เราไปทำอะไรให้เขาด่าหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราไม่ทำ เขาด่าเขาก็เข้าใจของเขาผิด นี่ถ้าเข้าใจของเขาผิดนะ วิบาก ถ้าวิบากอันนี้ถ้าเรามีสติปัญญาเท่าทันในปัจจุบันนี้ อนาคต เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร มันก็ไม่จองเวรจองกรรมกันต่อไปข้างหน้า มันจบลงที่นี่ มันไม่มีอนาคตต่อเนื่องไป

แต่มันมีมาตั้งแต่อดีตอยู่แล้ว แต่ว่าจะไม่มีอนาคตมันเป็นไปได้อย่างไร เราหายใจอยู่ทุกวัน เราดำรงชีพของเราทุกวัน ปัจจุบันเราทำสิ่งใดก็แล้วแต่ เราทำต่อหน้าและลับหลัง ต่อหน้าเราทำ เราทำคุณงามความดีทั้งสิ้น ลับหลังเรารู้ได้อย่างไรว่าเราได้ทำผิดพลาดสิ่งใดของใครไป

พระเราเขาถึงบอกว่าให้ประเคนๆ หยิบฉวยหยิบจับสิ่งใดที่มีเจ้าของไม่ได้เลย

นี่ไง เวลาพระเจ้าพิมพิสารจะขึ้นปกครอง หญ้า ข้าว น้ำ ไม้ในป่า เราอุทิศให้กับสมณะ เราอุทิศให้ เพราะอะไร เพราะท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านรู้ว่าพระที่ดีงาม พระที่มีจิตใจเป็นธรรม เขารังเกียจ มีสิทธิ มีเจ้าของ มีผู้ยึดครอง ไม่แตะ ของของเขา นี่ถ้าผู้ใจเป็นธรรมนะ นักปราชญ์ที่ดี ที่ประเสริฐ ที่เลอเลิศ มันมีอยู่ในหัวใจ

นี่ไง พระพุทธเจ้ากราบธรรมๆ ไง ถ้าธรรมอยู่ในใจอันนั้นมันเป็นสัจจะเป็นความจริงอย่างนี้ไง ถ้าเป็นสัจจะความจริงอย่างนี้ ผู้ที่ฉลาด พระเจ้าพิมพิสารอุทิศให้เลย

แล้วมันมีพระบ้า พระบ้ามันเห็นเขาทำ นู่นก็สวยงาม นี่ก็สวยงาม มันจะทำบ้าง ทำกุฏิ มันก็ไปขอไม้กับผู้ที่ดูแลไม้ไง แล้วเวลาคนเขามาตรวจสอบ ไม้มันหายไปเยอะแยะเลย ไปฟ้องพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารเรียกประชุมไง ถามว่าใครเอาไม้นั้นไป ใครเอาไม้ไป

ก็สมณะเอาไปไง สมณะเอาไป

แล้วเอาไปได้อย่างไร ก็เราสั่งห้าม

ก็บอกพระเจ้าพิมพิสารอนุญาตไง

เขาก็ไปเรียกพระนั้นมา เรียกพระนั้นมา

แล้วบอก เวลาเห็นพระไปเอาไม้นั้นมาสร้างบ้านสร้างเรือน จะทัดเทียมเขา จะเป็นมหาโจร จะทำอะไรให้เทียมหน้าเทียมตาเขา

แล้วเธอหน้าด้านมาเอาไม้นี้ไปได้อย่างไร

อ้าว! ก็เวลาจะครองราชย์ ข้าว หญ้า น้ำนั้นให้สมณะไง

อ๋อ! ข้าพเจ้าทำงานมาก มีหน้าที่รับผิดชอบมาก ข้าพเจ้าลืมไปแล้วแหละ สิ่งที่ข้าพเจ้าพูด พูดกับคนที่เขาเป็นธรรมๆ ไง ข้าพเจ้าพูด อย่างเช่น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ที่เป็นธรรมนะ เขามีความละอายในใจของเขา เขาไม่แตะ ไม่ไปหยิบของใครทั้งสิ้น ข้าพเจ้าพูดเพื่อเหตุนั้น ข้าพเจ้าพูดเพื่อนักปราชญ์ราชบัณฑิตที่เขาเป็นธรรม เขามีความละอาย

แม้แต่ไม้ในป่าในเขาที่ให้ ให้คือไม้ของป่า ไม้ในป่าที่คนที่จะดำรงชีพ ถ้าคนที่เขาเป็นธรรมเขาไม่แตะไม่ต้อง การดำรงชีพเขามันไม่สะดวก เขาให้กับคนที่ใจเป็นธรรม เขาไม่ได้ให้คนหน้าด้าน นี่ไง เลยถามปุโรหิตว่า สิ่งที่ฉ้อโกงอย่างนี้มันมีโทษอย่างไร

นี่เวลาเขาติเขาเตียนไง ติเตียนมาก ติเตียนคนคดคนโกงไปอ้าง อ้างสิ่งที่เขาให้คนที่เป็นนักปราชญ์ คนที่มีความละอาย ไอ้คนหน้าด้านมันไปเอา พอไปเอาก็โจทย์กันไป โจทย์ไปถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงประชุมสงฆ์ไง

แล้วมันมีราชบัณฑิตเขามาบวชด้วย ถามว่า ทางโลกเวลาเขาปรับโทษ ต้องลักทรัพย์เท่าไรถึงจะปรับโทษ ๔ กหาปณะ หรืออย่างไร ที่ว่าหนึ่งบาท ประหารชีวิต พระปาราชิกเกิดจากตรงนี้ เงินหนึ่งบาท นี่มันเกิดขึ้นมาไง มันเกิดขึ้นมา

ถ้าใจมันไม่เป็นธรรม คนที่เป็นธรรมๆ เขาทำคุณงามความดีส่งเสริมสังคมให้ดีงาม ให้คนที่เป็นนักปราชญ์ที่อยู่อาศัย ไอ้สิบแปดมงกุฎมันฉวยโอกาสเลย มันทิ่มมันตำ มันแย่งมันชิง

แต่สังคมโลก ไฟฟ้ามีบวกและลบ ความดีมีดีและชั่ว จะเอาแต่คนดีทั้งหมดในโลกนี้มาจากไหน คนดีในโลกนี้ ถ้าคนดีในโลกนี้เราก็มาสร้างความดีกันอยู่นี่ไง ไอ้คนมันชั่วๆ มันชั่วเพราะความจำเป็น มันชั่วเพราะนิสัย มันชั่วเพราะสันดาน มันชั่วเพราะมันเห็นโอกาส คนชั่วมันจะกลับใจของมันเมื่อไหร่มันก็เป็นโอกาสของเขาใช่ไหม นี่พูดถึงว่าถ้ามันเป็นธรรม

คนเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ พอเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตใจนี้มันหมุนเวียนมาตลอด ถ้าหมุนเวียนตลอด เราได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา นี่เป็นอริยทรัพย์ แล้วเรามีโอกาสมาวัดมาวา มาวัดมาวาเพื่อวัดหัวใจของเราไง

ไปวัดไปวาไปทำไม

ไปวัดไปวา ข้อวัตรปฏิบัติก็วัดหัวใจเรานี่ไง มาแล้วหัวใจเราชื่นบานหรือไม่ มาแล้วหัวใจเรายอมรับหรือไม่ ประเพณีวัฒนธรรมมันก็เป็นประเพณีวัฒนธรรม แต่เวลาไปวัดไปวาขึ้นมา เขาให้ศึกษา เวลาศึกษาขึ้นมา มีความรู้ขึ้นมา

ดูสิ เวลาไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อด่าเอาๆๆ ไม่รู้เรื่องเลย แต่เวลากูคิดได้นะ อื้อหืม! สุดยอด สุดยอด เวลาคิดได้

ที่เขาด่าเอาๆ เขาด่าให้คิดได้นั่นไง ถ้ามันคิดได้ขึ้นมา นี่มันเกิดกับหัวใจของเราไง นั่นน่ะคือสัจธรรมความจริงในหัวใจนั้นไง ศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญาไง ปัญญานั้นไง ถ้าปัญญามันจะเกิดขึ้นมามันเกิดที่ไหน มันเกิดในหัวใจของเราใช่ไหม

ถ้าเกิดในหัวใจของเรา แต่กว่ามันจะเกิดขึ้นมาต้องหัวใจมันเปิดโล่งใช่ไหม หัวใจเป็นสาธารณะ หัวใจที่มันยอมรับฟังเหตุฟังผล

ถ้าหัวใจมันยังโกรธ มันยังเกรี้ยวกราด มันยังมีความทุกข์ยากอยู่ในหัวใจน่ะ มันเหยียบหัวใจ คิดไม่ได้หรอก คิดแต่กิเลส คิดแต่เขาแกล้งกู เขาแกล้งกู เขาแกล้งกู เขาคิดแต่ความทุกข์นั่นล่ะ มันคิดความจริงไม่ได้

แต่ถ้าเป็นความจริงนะ มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ใช่ เขาแกล้งก็คือเขาแกล้ง แต่เขาแกล้งแล้ว เขาแกล้งด้วยความเป็นสิบแปดมงกุฎในใจของเขา ไอ้นั่นคือเขาแกล้ง แต่เขาแกล้งแล้ว ในปัจจุบันนี้มันเป็นอดีตไปแล้ว ในปัจจุบันนี้เราก็มีสติปัญญา เรารักษาหัวใจของเราไง เราไม่ให้สารพิษตกค้างที่การรกะทำอันนั้น

การกระทำนั้นมันก็ทำผ่านไปแล้ว พอผ่านไปแล้ว สิ่งที่ตกค้างเป็นสารพิษ สารพิษในหัวใจของเรา เราก็ไปขุดคุ้ยสารพิษขึ้นมาเจ็บปวดทุกวันๆๆ ไม่รู้ว่าไอ้คนที่มันแกล้งมันกลับไปนอนบ้านมันสบายๆ เลย ไอ้คนคิดมันเจ็บช้ำน้ำใจตลอดเวลาในหัวใจ นี่ถ้ามันทุกข์มันยากขนาดนั้นน่ะ

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา มีสติปัญญาขึ้นมาอย่างนี้ไง ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมาอย่างนี้ได้ มันต้องจิตใจที่มันเป็นกลาง จิตใจที่มันเป็นสาธารณะ มันยอมรับฟังเหตุและผลไง

ถ้าจิตใจที่มันยังคิดแต่เรื่องเดิมๆ อยู่น่ะมันไม่สาธารณะ มันคิดเข้าข้างตัวเอง มันทำลายตัวเอง ทำลายตัวเองจนเราไม่รู้ว่าความคิดเราทำลายเรา ทำลายโดยสารพิษ ทำลายโดยอวิชชา ทำลายโดยความไม่รู้ แต่กิเลสมันก็ปั้นยอว่าเก่ง แน่ เราเป็นสุภาพบุรุษ เขารังแกเราไม่ได้ เขาทำอะไรเราไม่ได้ โอ้โฮ! มันยังป้อนอยู่นั่นน่ะ

พระพุทธเจ้าสอนให้ชักฟืนออก ชักฟืนออก ชักฟืนออก อย่าให้มันคิดแบบนั้น แล้วเรามาคิดแบบดีๆ ของเราขึ้นมาไง ถ้าคิดแบบดีๆ ขึ้นมา นี่ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง ที่เราไปวัดไปวาขึ้นมาเราต้องการตรงนี้ เราต้องการให้หัวใจเราฉลาด เราต้องการให้เราพึ่งตัวเองได้

เวลาเขาถาม หลวงพ่อพูดทำไม พูดทำไม

ก็พูดเพื่อให้พวกมึงเอาหัวใจของพวกมึงไว้ในอกของมึงน่ะ อย่าเอาหัวใจไปฝากไว้กับคนอื่น

ไปหาครูบาอาจารย์น่ะ ใช่ เราไปหาครูบาอาจารย์ แต่ใจของเรา ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก สุขทุกข์มันสุขทุกข์ในใจของเราใช่ไหม มาวัดมาขึ้นมา ประพฤติปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ถ้ามันเป็นขึ้นมามันเป็นที่ไหน ก็เป็นที่ใจเรานั่นแหละ

มันเป็นที่หัวใจเรา ไม่มีใครไปควักอกใครได้หรอก มีแต่ชี้นำๆ แล้วชี้นำขึ้นมา เวลาทำขึ้นมา ในอกเรามันเป็นความจริงขึ้นมา ถ้าความจริงขึ้นมา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัย รัตนตรัยที่เรากราบเราไหว้กันอยู่นี่ไง

เวลาเขาไปสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แต่ลูกศิษย์กรรมฐาน ลูกศิษย์กรรมฐานถ้าเป็นจริงนะ เขาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ถ้าจิตมันสงบขึ้นมา เราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลางหัวใจเราไง พุทธะ พุทธะ พุทธะ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ธาตุรู้

เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเราเลย เรารู้แต่กิริยา เรารู้แต่อารมณ์ความรู้สึก เราเอาอารมณ์ทั้งสิ้นเลย แล้วอารมณ์มันเกิดมาจากไหน เกิดจากจิต เราเลยควบคุมอะไรไม่ได้เลยไง

แต่ถ้าทำความสงบของใจเข้ามา ถ้ามันสู่ความสงบอันนั้นไง เราควบคุมได้นะ ความรู้สึกนึกคิดนี้ เราควบคุมได้ พอควบคุมได้มันก็เริ่มต้นได้ เริ่มต้นเดินได้ นี่พระพุทธศาสนาสอนอย่างนี้นะ

ไม่ใช่สัพเพเหระ นึกเอา คาดหมายเอา ฝันเอา ฝันเฟื่อง อู้ฮู! นู่นก็ยอด นี่ก็เยี่ยม...ไม่มีสาระ ไม่มี

ถ้าเป็นสาระ สาระขึ้นมาเรารู้ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เทวดา อินทร์ พรหมเขาไม่มีร่างกาย เขามีแต่ทิพย์ เขามีแต่จิตล้วนๆ เวลาฟังเทศน์เขาก็เป็นพระอรหันต์ไปได้ ไอ้เรามีทั้งกายและใจ แล้วสัมภเวสีไปน่ะ นั่นน่ะตกอยู่ในนรกอเวจีนั่นน่ะ นั่นก็เป็นอีกพวกหนึ่ง เห็นไหม

ฟังธรรมๆ เราไปวัดไปวาเพื่อเหตุนี้นะ ไปวัดไปวาให้ฉลาด ให้เป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก คิดได้ ทำได้ คิดได้ อย่าให้ใครมาจูงจมูก เอาหัวใจไว้ในร่างกายของเรา ความดีความชั่วอยู่ที่การกระทำนี้ แต่เราต้องมีสติมีปัญญาไง

เพราะอย่างนี้ไง เพราะไม่มีสติปัญญาก็ไปหาหลวงพ่อไง หลวงพ่อชี้นำ

หลวงพ่อก็ชี้เข้าทางจงกรมไง เข้าทางจงกรม ถ้าเอ็งเดินจงกรม เอ็งมีสามัญสำนึก เอ็งคิดขึ้นได้ เอ็งจะเห็นความขาดตกบกพร่องของเอ็ง เอ็งจะเห็นความผิดพลาดของเอ็ง แล้วเอ็งก็จะเสียใจในการกระทำนั้นไง แล้วก็ตั้งสติปัญญาจะทำแต่สิ่งที่ดีงามๆ เอ็งก็จะเป็นคนดีขึ้นมาไง

ดีมาจากไหน

ดีมาจากธาตุรู้ ดีมาจากพุทธะ

ที่เขาไปอินเดีย ไปสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แต่เราดูแลคุ้มครองพุทธะ เราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในใจของเรา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ธาตุรู้ในใจอันนี้สำคัญที่สุด เอวัง