เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ มิ.ย. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ วันนี้วันพระ วันพระวันแสวงหาบุญกุศลของชาวพุทธ

เราเป็นชาวพุทธนะ ชาวพุทธมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ถ้าเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง เราไม่ถือมงคลตื่นข่าว

มงคลตื่นข่าว โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ ยศถาบรรดาศักดิ์มันเป็นเครื่องประกอบ มันเป็นเครื่องประกอบ เห็นไหม

คนเราเกิดมามีอำนาจวาสนา เวลาฤๅษีชีไพรเขาก็ถือศีล ๘ ของเขา เวลาพระเราถือศีล ๒๒๗ เวลาบิณฑบาตเป็นวัตรๆ บิณฑบาตเป็นวัตรแล้วตามมีตามได้ ตามมีตามได้เพื่อเลี้ยงชีพๆ พระเราบิณฑบาตเลี้ยงชีพ เลี้ยงชีพไว้เพื่อประพฤติปฏิบัติ

ถ้าทางโลก กินเพื่อกาม กินเพื่อเกียรติ กินเพื่อศักดิ์ศรี คำว่า “กาม เกียรติ ศักดิ์ศรี” มันทำให้เราเป็นทุกข์เป็นยาก ถ้าเราเป็นทุกข์เป็นยากขึ้นมา เรากินเพื่อดำรงชีวิต

ถ้าดำรงชีวิตขึ้นมา ถ้าเราเป็นชาวพุทธ ชาวพุทธถ้าเรามีสติปัญญารักษาหัวใจอันนี้ได้นะ มันไม่กระเสือกกระสนไง ปากกัดตีนถีบ ปากกัดตีนถีบรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ไง

แต่มันเรื่องทางโลกไง ลูกหลานเราต้องเสมอเขา อะไรสิ่งใดเราก็ต้องเสมอเขาแล้วเราก็ต้องปีนบันไดให้เสมอเขา เวลาเสมอเขาๆ เราอบรมสั่งสอนขึ้นมาได้ เด็กถ้ามันดีขึ้นมา เราอบรมสั่งสอนของเรา

ถ้าอบรมสั่งสอนของเรา ถ้ามันมีกตัญญูกตเวที ถ้ามันมีบุญกุศลด้วยกัน แต่ถ้ามันมีบาปอกุศลมันไม่เชื่อไม่ฟังหรอก เวลามันดื้อมันรั้นของมันธรรมดา เกิดเป็นพ่อเป็นแม่ เวลาเกิดเป็นพ่อเป็นแม่ขึ้นมาต้องดูแลลูกหลานของเรา แต่ดูแลลูกหลานของเรา ลูกหลานของเรามาวัดมาวาๆ ถ้าสิ่งใดเราให้เสียสละ เราให้เสียสละ เราแบ่งปันกัน พอแบ่งปันกัน สอนตั้งแต่เด็กแต่น้อยขึ้นมา

ถ้าเด็กน้อยขึ้นมา เห็นไหม เวลาคนที่มีจิตใจที่เป็นกุศลนะ เวลาเขาเห็นคนเจ็บคนป่วย เขาลงไปช่วยคนเจ็บคนป่วยจนประสบอุบัติเหตุซ้อนจนเสียชีวิตไป นี่ทำคุณงามความดีแลกด้วยชีวิตนะ ถ้าจิตใจเขาดีงามของเขาไง

แต่ดีงามของเขา คนที่เสียชีวิตไป ครอบครัวเขาต้องเดือดร้อนเป็นเรื่องธรรมดา ครอบครัวของเขา เสาหลัก เสาหลักที่มันเสียชีวิตไป ถ้าเสาหลักเสียชีวิตไป นี่เรื่องของเวรของกรรม

ถ้าเรื่องของกรรม ก็โทษเวรโทษกรรมทั้งสิ้น เวลาจะทำสิ่งใดก็เอาแต่อารมณ์ของตน เอาแต่ใจของตน เอาแต่ใจของตน ว่าสิ่งนั้นถ้าผลประโยชน์ของตน สิ่งนั้นพอใจของตน ถ้าไม่พอใจ นั่นน่ะไม่ยอมรับๆ

ความไม่ยอมรับนั้นเป็นเรื่องกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาเป็นพระโพธิสัตว์ๆ ท่านทำของท่านอย่างนั้น ทำความดีเพื่อความดี ความดีทิ้งเหว ทำความดีแล้วคือความดี ไม่ต้องแสวงหา ไม่ต้องให้ใครมายอมรับความดีใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ายอมรับความดีขึ้นมา

จิตใจของคนมันแตกต่างหลากหลาย ในพระไตรปิฎก คนโง่มากกว่าคนฉลาดมาก

เวลาคนโง่มากๆ เราต้องการคนอย่างนั้นใช่ไหม เวลาต้องการคนอย่างนั้น เวลาประชาธิปไตยๆ เสียงเท่ากันๆ ไง แต่ถ้าความเป็นจริงแล้วมันเท่ากันหรือไม่ เวลาความเป็นจริงแล้วมันมีหัวหน้ามุ้ง มันมีผู้อุปถัมภ์ดูแล มันจะเสียงเท่ากันหรือไม่ แต่ก็พูดไปอย่างนั้นน่ะ

แต่ธรรมาธิปไตยๆ ธรรมะสัจจะความจริง ถ้ามีธรรมในหัวใจๆ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระสงฆ์คือสัจธรรมความจริงอันนั้น ถ้าความจริงอันนั้น หัวใจของคนที่อ่อนด้อย วุฒิภาวะของคนที่อ่อนแอไง

ถ้าคนที่อ่อนแอเห็นพระพุทธศาสนา ทำบุญกุศลแล้วร่ำรวย ถูกรางวัลที่หนึ่ง

ถูกรางวัลที่หนึ่งก็ลาภของเขา คนไม่ถูกเยอะแยะมากมายมหาศาล คนที่ถูก พอเขาถูกแล้วเขามีสติปัญญาของเขา เขาเอาสิ่งนั้นมาเพื่อเป็นต้นทุนของเขา เขาดำรงชีพของเขามาได้ เขาประกอบอาชีพของเขาได้ บางคนถูกรางวัลที่หนึ่งถูกแล้วถูกเล่าๆ ถูกแล้วก็ใช้เงินฟุ่มเฟือยไป สิ่งนั้นมันตั้งตัวขึ้นมาไม่ได้หรอก

นี่ไง รางวัลที่หนึ่งก็ส่วนรางวัลที่หนึ่ง แต่จริตนิสัยของคน ความคิดของคน อำนาจวาสนาของคน สิ่งที่ปัญญาของคน พระพุทธศาสนาสอนที่นี่ไง

คนเราเกิดมามีคุณค่าเท่ากัน มีคุณค่าเท่ากันก็มีชีวิตเหมือนกัน ถ้ามีชีวิตเหมือนกัน ศักดิ์ศรีๆ

ศักดิ์ศรีเก็บใส่กระเป๋าไว้ เอาความดีของเราดีกว่า แล้วความดีของเราก็เป็นความดีของเรา เขาไม่เห็นความดีของเราก็เรื่องของเขา มันกรรมของสัตว์

ถ้ากรรมของสัตว์นะ โฆษณาชวนเชื่อกันไปเรื่อยเปื่อยแล้วมันไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันทั้งสิ้นไง

เราทำของเราเพื่อประโยชน์กับหัวใจของเรา ถ้าเพื่อประโยชน์กับหัวใจของเรา เห็นไหม เห็นใจโยมมากนะ เวลาขวนขวายกันมา ขวนขวายกันมาปากกัดตีนถีบขวนขวายกันมา เวลาก็สำคัญ การเดินทางสำคัญกว่า สิ่งที่เราได้มาจะมากน้อยขนาดไหน จิตใจเรายิ่งใหญ่กว่า จิตใจเราอยากไป เราอยากไป

อนุโมทนาทานๆ เรามาอนุโมทนา เห็นเขาทำคุณงามความดีกันแล้วจิตใจเราพยายามสร้างคุณงามความดีของเรา อนุโมทนาทาน เราจะมีมากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่เจตนาน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ ถ้าน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ เราฝึกหัดตรงนี้ ฝึกหัดหัวใจของเราขึ้นมาไง พระพุทธศาสนาสอนกันที่นี่ไง

ดูจักรพรรดิๆ เวลาเป็นจักรพรรดิเขาคุ้มครองดูแลประชาชนของเขา ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว คุ้มครองดูแลประชาชนของเขาเพื่อความสุขความสงบร่มเย็น

นี่ก็เหมือนกัน เรามาวัดมาวาขึ้นมา ถ้าเราเห็นเขาทำคุณงามความดีขึ้นมา เราอนุโมทนาร่วมมือกัน ถ้ามีน้ำใจต่อกันนะ ไม่มีสิ่งใดขัดแย้งกันทั้งสิ้น ถ้ามีความขัดแย้ง ขัดแย้งกับกิเลสของเราไง

นี่วันพระ ความยิ่งใหญ่คือพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะในหัวใจของเรา เวลาพุทธะ เวลาเขากระเสือกกระสนกันไป อันนั้นมันเป็นเริ่มต้นการฝึกหัดไง การฝึกหัดเราก็ไม่แน่ใจ ทุกคนจะถามเลย “พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ธรรมะเป็นอย่างไร”

เวลาคนที่ปฏิบัติแล้วนะ เวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาจบ ๙ ประโยคขึ้นมา ๙ ประโยค ศีล สมาธิ ปัญญายังไม่รู้จักเลย มันได้แต่ชื่อทั้งนั้นน่ะ เราแสวงหากัน ศึกษากัน ศึกษามา โลกจะเจริญด้วยปัญญา โลกจะเจริญการศึกษา ศึกษามาให้เป็นคนดี ศึกษามาแล้วให้เป็นวัฒนธรรมประเพณี

เวลาวัฒนธรรมประเพณีมันดูแลหัวใจเราได้ไหม

ถ้ามันหยาบๆ หยาบๆ หมายความว่ามันไม่มีสิ่งใดเป็นธรรมโอสถเลย สิ่งนั้นศึกษามามันก็เป็นวัฒนธรรมประเพณี เป็นความเชื่อ เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อมั่นในปัญญาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเชื่อมั่นตรงนั้นๆ ไง

เราเชื่อมั่นตรงนั้นแต่จิตใจเราก็คันนะ ยิบยับๆๆ “มีจริงหรือเปล่า เป็นจริงหรือเปล่า” มันไม่เชื่อหรอก กิเลสมันไม่เชื่อใครหรอก

แต่เวลามาปฏิบัติๆ มาวัดมาวา อนุโมทนาทาน เราเห็นคนทำคุณงามความดีกัน เราแบ่งปันกัน เรามีสติปัญญาปกป้องคนที่ทำถูกต้อง ไอ้คนที่ทำไม่ถูกต้องต้องบอกมันว่าเอ็งผิดๆ นี่ไง เรามีสติปัญญา อนุโมทนา

คบบัณฑิตๆ ไง เรายกหัวใจเราให้มันสูงขึ้นๆ ไง ถ้ายกหัวใจเราสูงขึ้น เราจะมาประพฤติปฏิบัติของเรา

เวลาประพฤติปฏิบัติของเรา ทำอะไรประสบความสำเร็จหมด คำว่า “ศักดิ์ศรีๆ” ไอ้ที่ว่ามองหน้าก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ มึงนั่งภาวนาให้ได้ นั่งลงแล้วหายใจเข้า หายใจออกเอา ถ้าศักดิ์ศรีเอ็งแน่จริงเอ็งก็ต้องคุมหัวใจเอ็งได้สิ ถ้าศักดิ์ศรีเอ็งมีอยู่จริงเอ็งต้องมีสัจจะ เอ็งต้องมีความสัตย์ เอ็งนั่งแล้วต้องไม่ลุก เอ็งนั่งแล้วดูแลหัวใจของเอ็งให้สงบ ไม่มีเลย เกือบตาย

หลวงปู่เจี๊ยะท่านเล่าให้ฟังนะ เมื่อก่อนลูกศิษย์ของท่านเป็นนักเลงดังมากที่จังหวัดขอนแก่น มาบวชกับท่าน มาบวชพรรษาแรกเลย พอบวชพรรษาแรกนะ ท่านบอกว่า “ให้อยู่กับเราก่อน ฝึกหัดให้มันรู้จักเหนือรู้จักใต้ก่อน เวลาเข้าป่าเข้าเขาไปเจออะไรแล้วมันจะแก้ไขได้ไง”

“อู้ฮู! ผมนี่สุดยอด ผมนี่นักเลงใหญ่ ผมนี่ผ่านโลกมามาก ผมจะออกธุดงค์เดี๋ยวนี้”

บวชเสร็จธุดงค์ไปเลย พอไม่กี่เดือนกลับมาหาหลวงปู่เจี๊ยะเลย ไปนั่งร้องไห้อยู่กลางป่าน่ะ นักเลงใหญ่นะ พอนักเลงใหญ่ไปอยู่ในกลางป่ากลางเขา ยิ่งนักเลงใหญ่ยิ่งทำความชั่วไว้มาก

พอทำความชั่วไว้มาก พอไปอยู่คนเดียว พอความชั่วมันออกมา ความชั่วที่เคยทำขึ้นมามันนั่งเสียอกเสียใจ เราทำแต่บาปอกุศลมาทั้งสิ้น แล้วเรามาอยู่กลางป่ากลางเขาอยู่อย่างนี้มันมีแต่ภูตผีปีศาจ มันมีแต่สิ่งเร้นลับ มันมีแต่สัตว์ร้ายอย่างนี้ โอ๋ย! ทุกคนก็จะมาเอาคืนหมด โอ๋ย! มันนั่งร้องไห้ กลับมาหาเลย เห็นไหม

เวลาพูด เวลาคิด เวลาตั้งใจ มันก็เป็นความตั้งใจอันนั้น แต่ความตั้งใจอันนั้นน่ะมันมีอำนาจวาสนาหรือไม่ ถ้ามีอำนาจวาสนา เราศึกษาๆ มา เราศึกษามาเพื่อค้นคว้าเพื่อหาความจริงในใจของตน ถ้าค้นคว้าหาความจริงในใจของตนนะ

เวลาคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นสัจจะ เป็นผลของวัฏฏะ ผลของวัฏฏะมีการเกิดขึ้นต้องมีการตายเป็นถึงที่สิ้นสุดเป็นผลแน่นอน

แต่เวลาสัจจะความจริง สัจจะความจริงที่ยิ่งใหญ่ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พ้นจากเกิด จากแก่ จากเจ็บ จากตาย แต่เราไม่ใช่อย่างนั้น เราเป็นชาวพุทธนะ ตื่นไปกับกระแสโลก ไอ้นู่นจะร่ำจะรวย ไอ้นั่นจะถูกเลขนู้นเลขนี้

ไอ้เรื่องนั้นเอาเวลามาทำมาหากินนะ เอาเวลามาดูพ่อดูแม่ในบ้านของตน ไอ้ที่กระเสือกกระสนไปหาของดีๆ น่ะ นั่งลงแล้วหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ มันจะหาของดีในหัวใจของตนได้

สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดคือหัวใจของเราที่มีคุณค่าที่สุด สิ่งที่มีคุณค่าที่สุด ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา นั่งลงแล้วมีสติสัมปชัญญะหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ

พระอรหันต์ของบ้าน พระอรหันต์ของเรา พ่อแม่ของเรา ญาติพี่น้องของเรามีความขาดตกบกพร่องบ้างหรือไม่ เรามีความสามารถจะช่วยเหลือเจือจานเขาได้หรือไม่ แต่ถ้าเราไม่มีความสามารถจะช่วยเหลือเจือจานเขาได้ เราก็มีแต่น้ำใจไง ควรมีสติปัญญาเป็นที่ปลอบประโลมใจกันไง

เพราะเราก็ขัดสนมาด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าทุกคนมันจะร่ำจะรวย ทุกคนจะมีทรัพย์สมบัติเพื่อจะไปเจือจานกันทุกๆ คนหรอก ทุกคนมีความจำเป็นไปทั้งสิ้น

ความจำเป็นนี้มันเกิดจากเวรจากกรรมของแต่ละบุคคล เวรกรรมมันทำมา ทำไมเราไม่คาบช้อนเงินช้อนทองล่ะ ทำไมเราไม่ไปเกิดที่บ้านที่ร่ำที่รวยล่ะ

ไปเกิดที่บ้านที่ร่ำที่รวยแล้วทุกข์มากกว่านี้อีก บ้านที่ร่ำที่รวยเขาเข้มงวดกับลูกของเขา เขาดูแลเขาประหยัดมัธยัสถ์ของเขา เขาถึงร่ำถึงรวยอย่างนั้น

ไอ้เราอยากจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแล้วไปเกิดที่บ้านที่รวยแล้วจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอย่างนั้น ก็ไปทะเลาะกันในบ้านนั้นในตระกูลนั้นให้มันวุ่นให้มันวายต่อไปไง

เพราะมันเป็นความคิดของเราเฉยๆ มันเป็นความคิดของเราโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันไม่เป็นความจริงขึ้นมาหรอก

แต่ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา ถ้ามีสติปัญญา สิ่งที่เรากระเสือกกระสนไปไปให้เขาหลอก กระเสือกกระสนไปไปซื้อนู่นจะรวย ไปซื้อนี่...ไม่เป็นความจริง

เราเป็นชาวพุทธ พุทธมามกะเชื่อเฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้น เราไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว เราไม่เชื่อว่าแฟชั่นนั้นหรูหรา มันใส่แล้วมันจะเหาะได้ ไม่มี

ดูสิ เวลาพระกรรมฐานถือผ้าสามผืนๆ ฉันอาหารมื้อเดียว ฉันอาหารมื้อเดียวแล้วยังอดนอนผ่อนอาหารนะ ยังมักน้อยสันโดษอีกนะ เพราะอะไร เพราะฉันไปแล้วไง พอฉันไปแล้วมันมีกำลัง

เวลาอดอาหารหิวกระหายโซซัดโซเซนะ พอฉันอาหารเสร็จนะ หลวงตาท่านพูดเลย เหมือนกับม้าแข่ง ดีดปั๊งๆๆ เลยนะ ร่างกายมันฟื้นฟูง่าย แต่จิตใจเรามันฟื้นฟูยาก

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันฟื้นฟูที่หัวใจ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิตที่เกิดในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ กำเนิด ๔ เวลากำเนิดมาแล้วกำเนิดด้วยเวรด้วยกรรม กำเนิดด้วยอำนาจวาสนาของตน กำเนิดมาแล้วก็มานั่งกันอยู่นี่ แล้วก็บอกว่าเสียดายนู่นเสียดายนี่

เสียดายอะไร กิเลสหลอกหมดเลย

เราเชื่อพระพุทธเจ้า เราเชื่อศาสดาของเราที่เป็นดวงตาของโลก ในโลกนี้ในจักรวาลนี้จะเกิดอะไรขึ้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้หมดเลย อนาคตังสญาณรู้หมดเลย แต่ท่านไม่พูดให้เราฟัง

ขนาดนี้ก็ตื่นกันขนาดนี้แล้ว โลกจะแตกๆ พุทธพจน์ไม่มีหรอก น้ำจะท่วมโลก น้ำจะท่วมโลกท่วมที่ไหน

ท่วมกิเลสไง กิเลสท่วมหัวใจอยู่น่ะไม่ดู

น้ำจะท่วมโลก โลกจะแตก โลกนี้เป็นอจินไตย ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ที่ไหน แต่ไอ้พวกทุจริตมันก็ไปยัดไว้ในพระไตรปิฎก “พระพุทธเจ้าพูด พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าโลกจะแตก น้ำจะท่วมโลก” แต่กิเลสท่วมหัวใจเราอยู่นี่เกือบเป็นเกือบตายมันไม่มอง

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนลงตรงนี้ สอนลงที่ว่า เข้ามาดูที่หัวใจของเรา

คนเรามีหน้าที่การงานของเรา เราก็ทำด้วยความสัตย์ มีกตัญญูกตเวทีทำคุณงามความดี คนกระทำต่อกันมันรับรู้ได้ คนเรามองตายังรู้ใจเลย คนมีน้ำใจต่อกัน สิ่งที่ดีงาม แล้วเราก็ต้องการอย่างนั้นๆ เราอยากเจอคนดีๆ ทั้งนั้นเลย ทำไมเราไม่เป็นคนดีล่ะ แล้วถ้าเป็นคนดีแล้ว เป็นคนดีแล้วต้องให้ใครนับถือล่ะ แล้วเป็นคนดีแล้วต้องให้คนอื่นบอกว่าเราเป็นคนดีใช่ไหม ก็เพราะต้องการบอกให้คนอื่นบอกว่าเราเป็นคนดี เราถึงต้องประชาสัมพันธ์ ต้องสร้างภาพ

ทำหน้าที่ของตนเถอะ ทำไมต้องไปสร้างภาพของตนให้มันดูสวยงามอะไรขึ้นมา เอ็งไม่สวยงามหรือ เข้าห้องน้ำถ่ายออกมามันสวยงามตรงไหน เวลาถ่ายออกมาเหม็นทั้งนั้นน่ะ ร่างกายของคนขับถ่ายออกมามีแต่เหงื่อมีแต่ไคล ไม่มีอะไรสวยงามทั้งสิ้นเลย

เราทำความสะอาดกันมา เราเข้าสังคมมาก็เพื่อมารยาท เราไม่ปล่อยให้เราเหม็นโฉ่ เข้าไปในสังคม พอเข้าไปเขาวิ่งหนีหมดเลยนะ ผีเปรตมันมา ผีเปรตมากลิ่นเหม็นมาหมดเลย มันเป็นอย่างนั้นหรือ

บอกว่า “นี่มันไม่สวยไม่งาม มันไม่ดี” เราก็ปล่อยปละละเลยไป

คนเรามันคิดได้แค่นี้หรือ คนเรามันคิดไง ไอ้ที่เราพูดว่ามันขับถ่ายของเสียออกมามันของไม่ดีไม่งามทั้งสิ้น เพื่ออะไร เพื่อเตือนหัวใจของเราไง แล้วเราเป็นอย่างนี้ เขาก็เป็นอย่างนี้ แล้วเวลาออกมาสังคมแต่งตัวซะเช้งออกมาเหมือนกันเลย เราก็แต่งมาเหมือนกัน

มันถึงว่าเอาของสวยๆ มาโชว์กัน ไอ้ของเหม็นมันเก็บไว้ในบ่อเกรอะ เก็บเอาไว้ในบ่อเกรอะนะ เอาไปทำปุ๋ยเพื่อเป็นอาหารกลับมากินอีก เห็นไหม มนุษย์กินดิน ผลหมากรากไม้เกิดมาจากแผ่นดินทั้งสิ้น เรากินแผ่นดินนี้ เราเหยียบแผ่นดินนี้ เราอยู่ในแผ่นดินนี้ด้วยร่างกายอันนี้ ด้วยจิตใจของเราสิ่งนี้

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนอย่างนี้นะ

ไอ้ที่เขาโฆษณาชวนเชื่อกันจะร่ำจะรวย ไร้สาระ จะร่ำจะรวย ไปกศน. นู่น ไปศูนย์ฝึกอาชีพนู่น ไปสิ่งที่เขาแนะนำให้ทำธุรกิจนั่น เออ! อย่างนั้นน่ะใช่ ถ้าเขาแนะนำอย่างนั้น นั่นควรไปอย่างนั้น ฝึกหัดวิชาชีพ ฝึกหัดอะไรของเรามา

ไอ้ที่ว่าจะร่ำจะรวย ไม่มีหรอก ไม่ต้องทำอะไร นอนแล้วรวยไม่มี แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่ ไปอยู่กับครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงนะ เวลาพระเทวทัตเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง บวชอยู่ในสำนักขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาธรณีสูบไปเลยนะ พระเทวทัต

นี่พูดถึงเราจะไปอยู่สำนักไหนแล้วก็จะมีชื่อมีเสียงขึ้นมา

มีชื่อมีเสียงอะไรต่างๆ ชื่อเสียงมันมาทีหลังนะ มันมาอยู่ที่คุณงามความดีของเอ็ง มันมาที่คุณงามความดีของบุคคลคนนั้น บุคคลคนนั้นก็มีกิเลสเหมือนเรา ได้บวชได้เรียนมา ได้ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ดูแลหัวใจของตน หัวใจของตนสงบระงับเข้ามาเป็นสัมมาสมาธิ

ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามันเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาในพระพุทธศาสนาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ให้เป็นอาวุธของเรา เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง เราชื่นชมเรามั่นคงในพระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไง ศีล สมาธิ ปัญญา

ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาถ้าเป็นภาวนามยปัญญาเกิดขึ้น มันจะถอดมันจะถอนกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน

ถ้าในใจของตนมันไม่เคยเทียบเคยเคียง เคยไปแนบชิดกับใครทั้งสิ้น ไม่เคยยกตัวเองสูงกว่าใคร ต่ำกว่าใคร ดีกว่าใคร เลวกว่าใครทั้งสิ้น

ไอ้คนที่ต่ำกว่าเขาทำตัวต่ำต้อยต่ำกว่าเขาให้เขาย่ำยี มนุษย์เหมือนกัน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มันเท่ากันด้วยความเป็นมนุษย์ทั้งนั้นน่ะ มันต่างกันด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ มันต่างกันที่คุณงามความดีที่ได้ทำใจของตน อบรมบ่มเพาะใจของตนที่สูงส่งแล้ว ถ้ามันสูงส่งแล้ว

ดูสิ อภิญญาเหาะเหินเดินฟ้ามันก็เกิดจากพลังของจิตทั้งนั้นน่ะ จิตที่มันทำได้ เหาะเหินเดินฟ้านั่นน่ะฌานโลกีย์ทั้งนั้นน่ะ ฤๅษีชีไพรเขาทำแล้วเขาก็ตายอยู่กับโลกนี้ไง แต่อริยสัจ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ ไม่มีใครเคยเห็น ถ้าไม่มีใครเคยเห็น ไม่มีใครเคยรู้ แต่เวลาทุกข์มันทุกข์จริงๆ

ทุกข์จนน้ำตาไหลน้ำตาร่วง ทุกข์จนเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ทุกข์จนลำบากลำบนอยู่ทุกวันนี้ แต่มันไม่เคยฝึกฝนของมันไง ทุกข์ของมันมีในหัวใจของมัน ทรัพย์สมบัติมีอยู่ในหัวใจของตน แต่ไม่เคยค้นคว้า ไม่เคยรักษา

สมบัติที่มีค่าคือใจของตนปล่อยปละละเลยไง ไปเห็นแต่โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศไง ต้องการให้เขารักษา ให้เขาค้ำชูไง เวลาปฏิบัติ ปฏิบัติอย่างไร เวลาเกิดปัญญา ปัญญาอย่างไร นี้ปัญญาในพระพุทธศาสนา

ไม่ใช่ปัญญาเป็นใบประกาศนียบัตรเอาไว้ขายกัน ปัญญาเอาไว้คอยเห่อเหิมทะเยอทะยานจองหองพองขน ศาสนาพุทธยิ่งใหญ่ ศาสนาพุทธดีงาม เอาศาสนาเป็นสินค้าไปเที่ยวปอกลอกกัน ศาสนาพุทธยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ

ยิ่งใหญ่มันต่ำต้อยกว่าเงินใช่ไหม ต่ำต้อยกว่าชื่อเสียงใช่ไหม ต่ำต้อยกว่าเกียติศักดิ์ของคนใช่ไหม ศาสนามันต่ำต้อยขนาดนั้นเชียวหรือ

ศาสนาถ้ามันเจริญ มันเจริญในใจของสัตว์โลก

วันพระ

สังคมมันเหลวไหลไปหมดแล้ว แล้วโยมนะ เพราะเราเป็นพระปฏิบัติ เราเป็นพระที่จนขัดสนนะ เป็นพระที่จนขัดสนหมายความว่าไม่มีสิ่งใดอำนวยความสะดวก มันเลยเป็นนิสัย เวลาโยมตั้งแต่เดินทางจากกรุงเทพฯ มา เราเห็นนั่งรถไปนั่งรถกลับ มันค่าน้ำมันรถ ค่าเสียเวลามันเป็นค่าเท่าไร มันมีคุณค่ามากกว่าวัตถุอะไรทั้งสิ้น เรากระเสือกกระสนกันมา กระเสือกกระสนกันขึ้นมา เห็นไหม

เวลาไปหาหลวงตา หลวงตาบอกว่า ให้มีธรรมต้อนรับ ให้มีคุณธรรมต้อนรับ ให้ศาสนาเรามีสัจธรรมเป็นสิ่งที่ต้อนรับ ต้อนรับให้หัวใจของเรามันตื่นขึ้นมา

โลกจะเป็นอย่างไรให้มันเป็นไป แต่เราต้องมีสติปัญญา เราเป็นชาวพุทธ เราเป็นคนที่มีครูบาอาจารย์ต้องมีจุดยืน ไม่เหลวไหลไปกับเขา

เวลาโลกเขาเหลวไหล เราเป็นชาวพุทธเราก็เห่อไปกับเขาหรือ เขาจะขายเครื่องรางของขลัง ของที่ร่ำที่รวย ที่ไม่ตาย ไปกับเขาหรือ ไม่มีหรอก ไม่มี

มีจริงๆ คือหัวใจของเรานี่ แล้วถ้ามันรู้ขึ้นมามันรู้กลางหัวใจนั้น ศึกษามา ศึกษามาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ศึกษามาเพื่อค้นคว้าหาอริยทรัพย์ หาสัจจะความจริงในใจดวงนี้ ในใจดวงนี้ที่มีคุณค่า สิ่งที่มีคุณค่าตั้งแต่เกิดจนตายนะ

ตายไปแล้วจะเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้ ตายไปแล้วเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้ ตายไปแล้วมันไม่สนใจหรอก เอาตอนนี้ ตั้งสติปัญญา แล้วกลับบ้านหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ลมหายใจ มีสติอยู่กับลมหายใจ ลมหายใจเรามีค่ามาก เป็นหวัดหายใจไม่ได้ยังต้องใช้ออกซิเจนเลย

หายใจเข้ามีสติกับลมหายใจ หายใจออกมีสติกับลมหายใจ แล้วดูมันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะเห็นสมบัติที่มีค่า เอวัง