เทศน์พระ

ผีเข้า

๑๕ ส.ค. ๒๕๖๒

ผีเข้า

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


เทศน์พระ วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมนะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยๆ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ยสะมาบวช ใครมาบวช มาบวชตอนนั้นยังไม่มีวินัยเลย พระอรหันต์มากมายมหาศาล

เวลาพระจุนทะไปเห็นพวกเดียรถีย์ ศาสดาเขาตายแล้วมันมีปัญหา มาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำไมมันเป็นอย่างนั้นน่ะ

เพราะมันไม่มีวินัยคุ้มครอง เพราะมันไม่มีวินัยๆ ไง เพราะมันไม่มีวินัยคุ้มครอง พระจุนทะบอกให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติวินัยคือบัญญัติกฎหมาย นิติศาสตร์ กฎหมายๆ นี่

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก จะไปบัญญัติอะไรบนอากาศ ไปบัญญัติอะไรให้มันไม่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น มันต้องให้มีคณะสงฆ์ แล้วสงฆ์ทำผิดขึ้นมาแล้วบัญญัติ

พระสุทินขึ้นมาก็เป็นต้นบัญญัติๆ ผู้ที่เป็นต้นบัญญัติเพราะเขาทำผิด พอทำผิดแล้วมันเป็นตัวอย่างว่าทำอย่างนี้มันผิด ถ้ามันผิดแล้วทำไม่ได้ ทำไม่ได้ถึงบัญญัติเป็นธรรมวินัยมา

แล้วธรรมวินัย เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมๆ เวลาคณะสงฆ์มันใหญ่ขึ้นมากขึ้น เพราะธรรมวินัยมันทำให้อยู่ร่วมกันได้ ผิดกฎๆ ไง ผิดกฎไม่ได้ผิดที่ตัวบุคคล ไม่ได้รังเกียจนะ ไม่ได้รังเกียจเพราะพวกมึงพวกกู ไม่ใช่

หลวงปู่มั่นท่านพูดไง นิกายๆ มันแค่ชื่อว่ะ ไก่มันยังมีชื่อเลย แต่ชื่อนั้นถ้าทำดีมันก็ได้ดีทั้งสิ้น จะชื่ออะไรก็แล้วแต่ ถ้าทำดีก็ถูกต้องดีงามทั้งนั้นน่ะ ทำดีทำชั่วมันอยู่ที่การกระทำ มันไม่ใช่อยู่ที่ชื่อ กฎหมายก็เป็นกฎหมาย กฎหมายใช้เสมอภาคกัน พอใช้เสมอภาคกันทุกคนก็ต้องเสมอภาคกันสิ ทำไมคนอื่นทำผิดล่ะ เราเวลาติฉินนินทาคนอื่นได้หมด แล้วตัวเองล่ะ ตัวเองก็ผิด

พระเมื่อก่อนอยู่กับเรา “ก็หลวงพ่อล่ะ หลวงพ่อก็ผิด”

หลวงพ่อผิดอะไรล่ะ มีเจตนาอะไรที่เป็นผิด มีอะไรที่เป็นประโยชน์กับหลวงพ่อบ้าง หลวงพ่อก็ทำเพื่อหมู่คณะ ทำเพื่อสงฆ์ทั้งสิ้น ที่ทำก็ทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเองเลย

แล้วมันเป็นเวลาอยู่ในวงกรรมฐาน

เวลากรรมฐานเราก็คุยกันไง เอ็งลงใจไหม ถ้าเอ็งลงใจ เอ็งทำเลย ทำๆ แล้ว ปลงอาบัติเอา ถ้าเอ็งลงใจไหม ถ้าลงใจ คำว่า “ลงใจ” ถ้าลงใจแล้ว เวลามันทำเสร็จแล้วมันไม่มีอะไรค้างคาในหัวใจ

เวลาปาฏิโมกข์ สตฺตาธิกรณสมถา ๗ สมฺมุขาวินโย ทาตพฺโพ สติวินโย ทาตพฺโพ อมูฬฺหวินโย ทาตพฺโพ สิ่งที่ได้ตัดสินไปแล้วรื้อฟื้นไม่ได้ สติวินัยๆ มันไม่มีเจตนา ไม่ทำเพื่อตัวเอง ถ้าเป็นตัวเอง ทำทำไม ทำเพื่อตัวเองก็อีโก้น่ะสิ อยากดังอยากใหญ่น่ะสิ แต่นี้ทำเพื่อหมู่คณะ ทำเพื่อส่วนรวม ถ้าทำเพื่อส่วนรวม เอ็งลงใจไหม

เวลาเราไปธุดงค์กัน เราอยู่ในหมู่พระๆ เขาถามเลยนะ เฮ้ย! เอ็งลงใจไหม ถ้าลงใจแล้วทำ ถ้าทำแล้วปลงอาบัติ แต่ถ้าไม่ลงใจนะ เราทำสิ่งใดไปแล้วมันคาใจ พอคาใจ ไปแล้ว มันจะย้ำคิดย้ำทำ แล้วมันจะฝังใจไปเลยนะ โอ๋ย! นู่นก็ผิด นี่ก็ผิด แล้วชีวิตที่เป็นนักบวช ชีวิตที่จะเป็นธรรมๆ มันจะไม่เป็นธรรมแล้ว มันจะหวาดมันจะระแวง นี่ไง นี่การภาวนา

หมู่กรรมฐาน พระกรรมฐานเขาเป็นอย่างนี้ เขาลงใจ เขาลงใจแล้วทำแล้วมันเป็นประโยชน์กับคณะสงฆ์ มันไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพื่อตัวเองก็เพิ่มกิเลสน่ะสิ เรามา เรามาเพื่อละเพื่อทอนใช่ไหม เรามาละมาทอนนะ

ธรรมและวินัยนี้สุดยอดมาก ธรรมและวินัยคุ้มครองพวกเราอยู่นะ คุ้มครองอย่างไร คุ้มครองไม่ให้ออกนอกกรอบไง ไม่ให้มันผิดพลาดไปจากธรรมและวินัยนี้ ถ้าไม่ให้ผิดพลาดไปจากธรรมและวินัยนี้ ทำเพื่อตัวเอง เห็นไหม อยู่ในศีลในธรรม แต่จิตใจร่มเย็นเป็นสุข อยู่ในศีลในธรรมอบอุ่น อยู่ในศีลในธรรมกล้าหาญอาจหาญ ผู้ที่มีศีลเข้าสังคมไหนก็ได้ สังคมไหนก็แล้วแต่ถ้ามีศีลมีธรรม องอาจกล้าหาญมากเลย ไม่ใช่ผีเข้า

เวลาผีเข้า ไปไหนนะ แอ๊ๆ แต่ไม่รู้เหี้ยอะไรเลย พูดอะไรก็ไม่ได้เลย ไม่รู้ถูกรู้ผิดด้วย แต่ผีเข้า

แต่ในการประพฤติปฏิบัตินะ วงกรรมฐานเราเวลาประพฤติปฏิบัติไปกรรมฐานแตก เวลามันหลุดไปนั่นก็อย่างหนึ่ง เวลาผีเข้า เวลาผีเข้าสิ่งนี้ยกเว้น ธรรมและวินัยนะ เป็นที่สุดวิสัย ยกเว้นได้ เจ็บไข้ได้ป่วย ผู้เฒ่าผู้แก่ อย่างนั้นน่ะเรายกเว้น เพราะมันเป็นเรื่องที่สุดวิสัย สุดวิสัยที่จะทำได้ แก่ชราภาพทำไม่ได้ ธรรมวินัยยกเว้น ธรรมวินัยยกเว้นนะ ถ้าเราทำสิ่งใด ทำสิ่งใดเพื่อเป็นประโยชน์ เห็นไหม

แล้วเวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ในพระไตรปิฎกมีเลย ภิกษุผีเข้า ภิกษุผีเข้าทำอะไรก็ไม่ผิด ถ้าทำอะไร คำว่า “ไม่ผิด ผิดไหม” มันมีเวรมีกรรมทั้งสิ้น แต่เขายกเว้นไง ถ้ายกเว้นๆ เพราะอะไร เพราะเขาทำไปโดยเขาไม่รู้สึกตัวเลย เพราะผีเข้า

ในอรรถกถาหรือในฎีกามี มีตลาดขายเนื้อ ภิกษุไป ไปกินเนื้อดิบๆ เลือดสดๆ กินแล้วเขาติเตียนไง แล้วถ้าติเตียนๆ พระพุทธเจ้าบอก ถ้าผีเข้า ถ้าผีเข้านะ ยกเว้น ยกเว้นเพราะว่าภิกษุผีเข้า นั่นมันผีเข้าเพราะเขาควบคุมตัวเขาไม่ได้

ไอ้นี่มันผีกิเลส กิเลสตัณหาความทะยานอยากนี่ผีเข้า เวลาผีเข้าขึ้นมา แอ๊ๆ เอ็งเอาอะไรมาเป็นเหตุเป็นผล ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหตุและผลนะ เหตุ เหตุนะ ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ มันต้องมีเหตุสิ เหตุ เหตุที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ถ้าที่มาที่ไป ถ้าเหตุมันถูกต้องมันจะผิดไปได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีเหตุมีผล ผีเข้า จะย่ำเขาเลย จะเหยียบจะย่ำเขา แอ๊ๆ ผีเข้า

เวลาผีเข้าจริงๆ นะ ยังยกเว้นนะ ไอ้นี่ผีกิเลสเข้า มันกิเลสซ้อนกิเลสไง มันจะเอากิเลสเหยียบย่ำคนอื่นไง มันจะเอากิเลสใหญ่กว่าธรรมและวินัยไง มันจะเอากิเลสใหญ่กว่าเหตุกว่าผลน่ะ

เหตุผลเขามี เขามีที่มาที่ไป มันเพราะมีเหตุ เพราะคนเขาทำเพื่อประโยชน์กับคณะสงฆ์ ทำเพื่อประโยชน์กับหมู่คณะ เขาทำเพื่อประโยชน์ ไม่ใช่ว่าประโยชน์ต้องของกู ทุกอย่างต้องมาค้ำชูกูคนเดียวเลยหรือ ผีเข้า เอ๊อะๆๆ ผีเข้าเลยนะ เวลาผีมันเข้า ไร้สาระ

เวลาผีเข้า ดูสิ เวลาเขาเข้าทรงทรงเจ้านี่นะ เวลาการเข้าทรง เวลาธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุบาสก อุบาสิกา ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เวลามีศีลมีธรรมขึ้นมา เขาไม่ให้ถือนอกธรรมนอกวินัย แล้วเวลาเข้าทรงทรงเจ้า เอ็งไปเคารพบูชากันได้อย่างไร มันขาดจากไตรสรณคมน์

ผีเข้า ขนาดในธรรมวินัยนี้ไม่เอามาเป็นประเด็นเลย ไร้สาระ แต่มันเป็นกรรมของสัตว์นะ ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ภิกษุผีเข้า ภิกษุผีเข้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายกเว้น ยกเว้นขณะที่เขาเป็น แต่เวลาดีขึ้นแล้วต้องเข้าระบบหมด ไม่มี ไม่ปล่อยปละละเลย นี่มันคุ้มครองไง คุ้มครองในการประพฤติปฏิบัติของเรา ถ้าเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา

เวลาผีกิเลสมันเข้า คิดว่ามีที่ลับที่แจ้ง ทำไปบาปกรรมทั้งนั้น แล้วมันทำ มันทำด้วยความต่ำช้าสามานย์ไง แล้วเหยียบย่ำทำลายไง แล้วสิ่งที่มันจะเป็นไปได้ มันจะเจริญงอกงาม มันเป็นไปไม่ได้ไง

เวลาต้นไม้ สิ่งที่มันเน่ามันเสียเขาต้องคัดออกๆ ทั้งนั้นน่ะ เขาเอามารวมกลุ่มไม่ได้ ปลาข้องหนึ่ง ปลาตายตัวหนึ่งเน่าทั้งข้อง ปลาตายตัวเหม็นไปหมดเลย ไอ้ปลาเน่า ปลามันเน่ามันเหม็น

แต่กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมกว่ามันจะสร้างจะสมขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย เวลาจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาได้ เวลาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา เทวทัตมันเข้ามาแปะ ไอ้ฉัพพัคคีย์ สัตตรสวัคคีย์ ชราคร่ำคร่า ไม่มีจะอยู่จะกิน มาบวชเพื่อลาภสักการะในพระพุทธศาสนา มาอาศัยอย่างนั้นหรือ

ของเราไม่ใช่ ของเราบวชมาแล้วนะ สิ่งที่บวชมาแล้ว สาธุ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัย แก้วสารพัดนึก เราก็เกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน เราก็คนทุกข์คนยากเหมือนกัน เห็นภัยในวัฏสงสารมาบวชเป็นพระ ถ้าบวชเป็นพระขึ้นมา ภิกขาจาร เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง

เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เลี้ยงชีพด้วยธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยนี้ไว้กับบริษัท๔ อุบาสก อุบาสิกาเขาเป็นชาวพุทธ เขามีจิตใจที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา เขาอยากเห็นนะ อยากเห็นผู้ที่ทรงศีลทรงธรรมที่เป็นที่พึ่งที่อาศัยของเขา

เวลาบวชเป็นพระๆ เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส นี่เป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องอยู่ในศีลในธรรม การไว้วางใจ การไว้เนื้อเชื่อใจ เขาถึงได้ใส่บาตร

เวลาคนเขาจะทำบุญทำทานเขาละล้าละลัง มันใช่พระไม่ใช่พระ ใส่ไปแล้วมันจะเป็นจริงไม่จริง เห็นไหม หัวใจของบริษัท ๔ หัวใจของบริษัท ๔ ที่เขาศรัทธาเขามีความเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา เขาก็อยากเห็นศากยบุตร เขาก็อยากเห็นสมณะชีพราหมณ์ที่อยู่ในศีลในธรรม ที่เป็นที่ชื่นใจของเขา เขาเห็นแล้วเขาชื่นใจของเขานะ

ถ้าเขาเห็นเปรตเห็นผี เห็นเปรตเห็นผีมันละล้าละลังไง เพราะมันก็มีข่าวตลอด ข่าวร่ำข่าวลือมาตลอด ข่าวร่ำข่าวลือตลอด แล้วมาเจอกับตัวเอง มาเห็นกับตาอย่างนี้ มาพบกับตัวเอง มันสะเทือนใจ มันสะเทือนใจชาวพุทธ ชาวพุทธเขาต้องการๆ บริษัท ๔

เราก็เป็นอุบาสกมาก่อน เราเป็นฆราวาสมาใช่ไหม เราเห็นภัยในวัฏสงสาร เรามาบวชใช่ไหม เราบวชขึ้นมาแล้ว เราเต็มใจบวช เราเต็มใจบวชแล้วเราเต็มใจประพฤติปฏิบัติด้วย แล้วเวลาบวชแล้วมีครูมีอาจารย์สายกรรมฐานๆ

สายกรรมฐาน พระป่ามันจะเข้มข้นกว่าพระบ้าน พระบ้าน เวลาเห็นพระบ้าน ดูถูกเหยียดหยามเขา เป็นพระป่าๆ ไอ้พระบ้านก็บอกไอ้นั่นพระบ้าๆ ไอ้เราว่าเป็นพระป่า เขาว่าพระบ้า ป่าเถื่อน เถื่อนจนไม่มีศีลไม่มีธรรม ไม่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์เลย

พระป่าๆ เขาไปอยู่ป่า ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาพระป่าๆ พระป่าต้องสวดมนต์มากกว่าพระบ้าน พระป่าต้องมีศีลมีธรรมวินัยยิ่งกว่าพระบ้าน เพราะอะไร เวลาพระป่าๆ เข้าไปอยู่ในป่ามันมีเสือมีสาง มีสิ่งลี้ลับ ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์ วิ่งหนีเลย ตกใจ นั่นน่ะผีเข้า

เวลาผีจริงๆ เข้าล่ะกลัวมัน เวลาผีตัวเองเข้าล่ะแหม! อาจหาญ ผีเข้า

มันต้องศึกษาสิ มันต้องศึกษาข้อวัตรปฏิบัติสิ มันต้องรู้ถูกรู้ผิด แล้วมันต้องอธิบายได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่ใช่ผีเข้า ผีเข้าก็ “ลูกช้างสาธุ ลูกช้างเชื่อเคารพ”

ใครเขาจะเคารพล่ะ

เราต้องมีเหตุมีผล ทาน เหตุผล ทำไมต้องทำทานล่ะ

เราทำทานเพื่อความตระหนี่ถี่เหนียวในหัวใจของตน

เราถือศีล ถือศีลทำไม

ถือศีลเพราะว่าความคิดมันเร็วกว่าแสง ถ้ามันคิด มันคิดไปร้อยแปดพันเก้า ให้มีศีลรั้วรอบขอบชิดเพื่อไม่ให้ความคิดมันส่งออกไป

แล้วสมาธิล่ะ

สมาธิก็สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ถ้าจิตสงบระงับมันก็ไม่ไปกินเหล้าเมายา เพราะอะไร เพราะมันสงบ จิตมีคุณค่าของมัน ไอ้นี่จิตไม่สงบมันก็แส่ส่าย แส่ส่ายก็ผีเข้า ผีเข้ามันก็หิวมันก็กระหาย มันก็จะกินเลือด ก็ผีเข้า เพราะไม่มีหลักมีเกณฑ์

แต่ถ้าเป็นสมาธิ สมาธิก็มีความสงบของใจ แล้วเกิดปัญญาล่ะ

โอ้โฮ! ถ้าเกิดปัญญานะ เวลาหลวงตาท่านไปเยี่ยมลูกศิษย์ลูกหานะ ถ้าลูกศิษย์ลูกหาพูดถึงการภาวนานะ ถ้ามันเป็นจริงนะ ท่านตาลุกเลย หา! ภาวนาอย่างนี้ก็ยังมีอยู่อีกหรือ ภาวนาอย่างนี้ยังมีอยู่ใช่ไหม

ถ้าคนภาวนาอย่างนี้ นี่ไง ภาวนามยปัญญาไง ปัญญาเกิดจากการภาวนา คนที่มันภาวนาเป็นมันพูดออกมา มันพูดออกมาจากความจริงในหัวใจ ให้ตรวจสอบร้อยหนพันหนมันก็พูดชัดเจนเลย จะทำอย่างไรก็พูดชัดๆ เลย เพราะเขารู้เองเห็นเอง เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกกลางหัวใจนั้น

เวลาที่ประพฤติปฏิบัติได้จริง หลวงตาท่านไปคุยกับผู้ปฏิบัติ เอ๊อะ! ภาวนาอย่างนี้มีอยู่อีกหรือ ภาวนาอย่างนี้มันคืออะไรน่ะ

นี่ไง ศีล สมาธิ ปัญญาไง

ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาในวงกรรมฐานเราคือภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา เกิดจากความฉลาดภายใน เกิดจากความฉลาดที่การขุดคุ้ย การค้นคว้า การแสวงหา การขุดลงไปในหัวใจ การขุดลงไปในจิตนั้น แล้วมันเกิดปัญญาขึ้นมา นั่น! นี่ปัญญามันเป็นอย่างนี้ แล้วถ้ามันมีปัญญาอย่างนี้มา สิ่งสภาวะแวดล้อมข้างนอกมันจะมีประโยชน์อะไร ไร้สาระทั้งสิ้น

ถ้ามันไปติดอยู่สิ่งที่สวะอยู่ข้างนอกนั่นน่ะ มันอยู่กับสวะอย่างนั้นน่ะ มันจะเข้ามาสู่ภายในได้อย่างไร เพราะมันอยู่กับสวะอย่างนั้นแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรถึงผีเข้าไง เวลามัน เอ๊อ! ผีเข้า ไม่ต้องมีเหตุมีผลอะไรทั้งสิ้น ไม่มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น ไม่รู้จักการกระทำใดๆ เลย แล้วมันจะเป็นศากยบุตรได้อย่างไร นี่ภิกษุผีเข้า

ขนาดผีเข้านะ ชาวบ้านเขาเห็น เขาไปฟ้ององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก นี่เพราะผีเข้า ผีของเขาเข้าแล้วไปตามเขียง ตามร้านขายเนื้อ ไปขอเนื้อสดๆ ลาบเลือด เลือดสดๆ ดื่มกินเลย

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า เพราะผีเข้า เขาขาดสติ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร

ก็ต้องยกเว้นจากธรรมวินัยจนกว่าเขาจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ นี่ผีเข้าจริงๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายกเว้น

ธรรมวินัยสุดยอด เพื่ออะไร เพื่อให้เราพ้นจากความดิบเถื่อน ให้เข้ามาเป็นศากยบุตรไง ให้เข้ามาเพื่อการประพฤติปฏิบัติไง แล้วบวชแล้ว เราไม่ใช่วัดบ้าน วัดบ้านบวชมาแล้ว ศึกษาธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อทรงจำธรรมวินัยไว้ เป็นศากยบุตร เป็นผู้ทรงธรรมทรงวินัยด้วยการศึกษา เพื่อให้ปริยัติชัดเจนขึ้นมา

เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติเพราะปริยัติชัดเจน การปฏิบัติมันก็จะชัดเจนขึ้นมา แล้วเวลาปริยัติชัดเจนขึ้นมา เขาก็ว่าเป็นความรู้ของเขา แต่ความจริงๆ นั่นคือสัญญา คือความจำ คือการค้นคว้า คือการจดจำธรรมและวินัยไว้

เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเรามีทาน มีทานก็มีน้ำใจนี่ไง คนที่มีทาน มองพระเหมือนพระ มองคนที่ทุกข์ยากขึ้นมา เรามีน้ำใจต่อเขา เราก็เคยทุกข์ยากมานะ

เวลาหลวงตาท่านเทศน์ เราสะเทือนใจทุกทีนะ “เราเป็นบ๋อยกลางเรือน กลางวัดป่าหนองผือ ท้ายวัด เหนือวัด มหา มหาทั้งสิ้น มหาทั้งนั้น”

ท่านบริหารท่านคุ้มครองดูแลไง เวลาท้ายวัด เหนือวัด มหาผิดๆ มหาทั้งนั้น ท่านบอกว่าท่านเคยรับผิดชอบเหมือนบ๋อยกลางวัด

เวลาครูบาอาจารย์เราที่ท่านจะมีอำนาจวาสนาบารมี เพราะท่านมีน้ำใจไง ทานๆๆ ไง เพราะทาน เห็นแก่ผู้ที่มาใหม่ยังไม่รู้จักรู้สีรู้สา ท่านก็เป็นหลักเป็นชัยคอยบอกเขา คนที่มาใหม่ยังไม่เข้าใจว่าหลวงปู่มั่นท่านต้องการวิเวกอย่างไร ท่านไม่ต้องการเสียงกระทบอย่างไร ก็ต้องคอยบอกคอยเตือนเขา เพื่อไม่ให้ไปกระทบถึงหลวงปู่มั่น นี่ท่านเป็นบ๋อยกลางเรือนเลย คำว่า “เป็นบ๋อยกลางเรือน” คือการฝึกฝนขึ้นมาไง

เวลาพระปฏิบัติๆ ทรงจำธรรมวินัยๆ ทรงจำไว้ แต่ผีเข้า เที่ยวย่ำเที่ยวยีคนอื่น ยกตนเหนือคนอื่น ข่มขี่เขา เย้ยหยันเหยียดหยาม แต่ตัวเองเลวทราม

แต่หลวงปู่มั่นครูบาอาจารย์เราเป็นพระป่า พระป่าเราประพฤติปฏิบัติฝึกฝนตัวเองขึ้นมา ทำตัวเองขึ้นมาให้มีแก่นมีสาร เวลามีแก่นมีสาร มีแก่นมีสารที่ไหน มีแก่นมีสารคือว่ามีความสงบระงับ มีความสงบ มีผู้รู้ ผู้รู้ที่มีสติปัญญาคุ้มครองดูแล พอคุ้มครองดูแลนะ มันเหนือศีลอีกน่ะ

ศีล สมาธิ ปัญญา

ศีลส่วนศีลเลย ศีลนี้เป็นของหยาบๆ เลย ถ้าจิตมันสงบจิตมันระงับ มันเห็นคุณค่าของหัวใจของเรา ถ้ามันเห็นคุณค่าของหัวใจของเรา เห็นไหม

เวลาหลวงตาท่านบอก ท่านเป็นบ๋อยกลางเรือนๆ ท่านเป็นคนรับผิดชอบดูแลทั้งสิ้น บ๋อยกลางเรือนเลย พระมันจะโตขึ้นมาได้มันต้องมีการฝึกหัดขึ้นมา มีการฝึกหัด

ศึกษาธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษามาเป็นทฤษฎี ศึกษามาแล้วทำอย่างไรวะ

หลวงตาท่านจบมหา เวลาจะออกบวช ถ้ามีใครชี้นำเรา ใครบอกเราได้ เราจะไปหาคนนั้นเลย มันจะทำอย่างไร เพราะตำราเต็มไปหมดเลย ศึกษามาทฤษฎีมากมายมหาศาล แต่เรายังทำไม่ได้เลย ทำอย่างไร แล้วเริ่มต้นต้องตรงไหนล่ะ จะพ้นทุกข์ๆ จะพ้นทุกข์ๆ เริ่มต้นตรงไหน

เวลาเริ่มต้นก็เริ่มต้นหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ

“เฮ้ย! จะพ้นทุกข์นะ อยากจะพ้นทุกข์ อะไรมากำหนดพุทโธๆ อะไรกันอยู่นี่”

พุทโธๆ สมถกรรมฐาน ก็พ้นทุกข์นี่ไง ก็พุทธะนี่ไง ก็หัวใจนี่ไงที่มันจะพ้นทุกข์น่ะ พ้นทุกข์ เอาความคิดพ้นทุกข์หรือ ผีเข้าจะพ้นทุกข์หรือ ผีเข้ามันก็อเวจีไง อบายภูมิ ผีเปรต อบายภูมิทั้งนั้นน่ะ นี่ไง เวลาไปเที่ยวมหรสพสมโภชน์ นั่นน่ะอบายมุขอบายภูมิ ชอบแต่เรื่องอบายมุข มันก็ไปสู่อบายภูมิ นี่ผีเข้า เวลาผีเข้ามันลงอบายภูมิหมด แล้วบอก “นี่ดี มันมหัศจรรย์ มีรูป รส กลิ่น เสียง มีรูปสัมผัส อายตนะสัมผัสหมดเลย”...ผีเข้า

เวลามาหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเรา ให้กำหนดพุทโธ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกโธ

หายใจทำไม

สมถกรรมฐานเป็นพุทโธ พุทโธนี่พุทธานุสติ พุทธะ พุทโธ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พยายามทำของเรา จะมีการศึกษามากมายมหาศาล ศาสตราจารย์รู้รอบโลกมาแล้วนะ ถ้าพุทโธไม่เป็น ไม่เจอใจของตน ไม่เจอที่เกิดแห่งกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ปฏิสนธิจิตไม่รู้จัก ส่งออกทั้งหมด อยู่แต่ข้างนอก เข้ามาสู่ความเป็นจริงไม่ได้ เห็นแต่เรื่องไร้สาระเป็นแก่นสาร

แต่เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราท่านเข้าไปสู่ความสงัดความวิเวก แล้วท่านพยายามจะเข้าค้นคว้าหาใจของตน มันจะมีศักยภาพ มีความรู้ความเด่นมากน้อยขนาดไหน พยายามทวนกระแสกลับเข้ามาสู่ใจของตน ถ้าหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ บริกรรมพุทโธ นี่จะเข้าสู่ใจของตน ที่บอกว่าไม่รู้สิ่งใดเลยๆ เดี๋ยวเข้ามามันจะรู้ ถ้ารู้ขึ้นมาแล้วมันเด่นชัด นี่จิตเดิมแท้ จิตของเรา

จิตของตนแท้ๆ ไม่รู้จัก ชื่อเรา เราชื่อนาย ก. ชื่อนาย ก. ก็เขียนแต่ นาย ก.ๆๆ แต่ไม่รู้จักนาย ก. จริงสักที พอจิตมันสงบเข้ามา อ๋อ! ไอ้ ก. มึงอยู่นี่เองเนาะ กูหามึงมาหลายภพหลายชาติเลย กูหามึงมาตลอดหลายภพหลายชาติ กูเจอมึงแล้ววันนี้ นี่ถ้ามันสงบเข้าไป ถ้ามันสงบ มันเจอมันนะ พอเจอมัน นี่ไง จิตเป็นสัมมาสมาธิ จิตมันสงบเข้ามาๆ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ศีล สมาธิ ปัญญา

ถ้าไม่มีสมาธิแล้วร้องแรกแหกกระเชอไปน่ะ ผีเข้า ผีเข้า ไม่ใช่ความจริง

ถ้าเข้าความจริงปั๊บ สัจธรรมไง ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สูงส่งกว่าผี ผีคือพวกสัมภเวสี พวกจิตวิญญาณที่เร่ร่อน

จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสร้างคุณงามความดีก็มาก ทำความชั่วร้ายมาก็มี

เวลาพระเจ้าพิมพิสารอุทิศส่วนกุศล ญาติของท่านเป็นเปรตเต็มไปหมดเลย เห็นไหม จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ญาติของพระเจ้าพิมพิสารเป็นเปรตมาขอส่วนบุญมากมายมหาศาล จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ อันนั้นพวกผีที่อยู่ในวัฏฏะ

แต่ไอ้ผีเปรตกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตนสิ มันหลอกมันลวงมันปลิ้นมันปล้อน มันทำให้เราเร่ร่อน แล้วยังมารยาสาไถย กิเลสมันก็น่าขยะแขยงอยู่แล้ว ยังเอามารยาสาไถยลอยหน้าลอยตานี่ ทุเรศ กิเลสซ้อนกิเลส ๓ ทับ ๔ ซ้อน แล้วยังมีมายา

คนที่เขามีหูมีตาเขาสังเวชมาก เขาทั้งสลด เขาทั้งสังเวช เขาทั้งขยะแขยง เขาทั้งไม่ต้องการ แต่เขาเป็นสุภาพบุรุษ เขาเก็บไว้ในใจทั้งนั้นน่ะ เขาเก็บไว้ในใจ

สิ่งมีชีวิต ดูสิ เวลาสัตว์ เขาไปเที่ยวสวนสัตว์ เขาบอกอย่าไปรังแกมันนะ มันมีชีวิต แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันยังมีชีวิต มันยังรู้สุขรู้ทุกข์ มันปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์

มนุษย์ด้วยกันจะโง่จะฉลาด จะสูงจะต่ำ จะเป็นพระเป็นโยมเป็นต่างๆ เขารู้ แต่เขาเก็บไว้ในใจ ใครไม่รู้ดีรู้ชั่ว แต่รู้ดีรู้ชั่วแล้ว ถ้าคนมีสติปัญญา รู้ดีรู้ชั่วแล้วแก้ไข รู้ดีรู้ชั่วแล้วเปลี่ยนแปลง

ไม่ใช่รู้ดีรู้ชั่วแล้วซ่อนไว้ กูยิ่งใหญ่ กูยิ่งใหญ่ มึงรู้ไหมว่ากูลูกใคร

ลูกกิเลส กิเลสมันขี่หัว

แต่ถ้าเราเป็นชาวพุทธ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เวลาผีเข้า พระภิกษุที่ผีเข้านั้นเขาผีเข้าด้วยเวรด้วยกรรมของเขา เราเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วมาบวชเป็นพระ แล้วพอบวชเป็นพระแล้ว โดยธรรมชาติของคนที่เกิดมันมีอวิชชา คือมีกิเลส คือมีพญามารในหัวใจทั้งสิ้น ถ้ามีในหัวใจทั้งสิ้น เราก็มีสติปัญญา

คนเหมือนกัน คนด้วยกันมีความคิดเหมือนกัน ไม่มีใครใหญ่กว่าใครหรอก มันมีแต่คนที่มีคุณธรรมในหัวใจมากน้อยแค่ไหน คนที่มีหัวใจเป็นธรรมๆ นะ แม้แต่เขาเป็นฆราวาส จิตใจเขาเป็นธรรม เขาเจอคนที่ต่ำต้อย คนทุกข์คนจน เขาช่วยเหลือเจือจานกันทั้งสิ้น คนที่ไม่เป็นพระเขายังมีใจเป็นธรรมกันเลย อย่าว่าแต่ใครจะต่ำต้อยกว่าใครเลย

แล้วพอบวชเป็นพระขึ้นมา ผ้าเหลืองนี้มันจะทำให้เหาะเหินเดินฟ้าหรือ ผ้าเหลือง กราบผ้าเหลืองๆ กราบผ้าเหลืองเพราะเป็นวัฒนธรรม แต่ในใจเขา เขาจะกราบไหมล่ะ ในใจเขา เขารู้อยู่เต็มหัวอกของเขา เป็นพระไม่เป็นพระ ใครๆ ก็รู้ แล้วเขาจะกราบอีกไหมผ้าเหลืองน่ะ อยากกราบผ้าเหลืองแต่เกลียดขี้หน้าคน แต่เขาก็ทำด้วยมารยาทของเขา แต่ไอ้หัวโล้นที่มันไม่รู้สำนึกตัวนี่สิ มันไม่สำนึกตัวมันว่ามันชั่วร้ายแค่ไหน มันไม่สำนึกตัวมันแล้วมันทำลายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วย

แต่ถ้ามันเป็นจริงๆ มันต้องแก้ไขที่ตัวเรา ใครชั่ว ต้องแก้ไขที่ใจที่มันชั่ว นี่ไง ถ้าภิกษุผีเข้ามันเป็นเรื่องหนึ่งนะ นี่ผีกิเลสมันเข้า อ๊า...เลยนะ ถ้าผีกิเลสมันเข้า

มันสังเวช

คนมันไม่มีใครจะเซ่อไปกว่าทุกคนหรอก การศึกษามันตามทันกันได้ เวลาศึกษาๆ เดี๋ยวนี้การศึกษาเจริญมาก เรียนกันปริญญาคนละ ๔ ใบ ๕ ใบ

แต่เวลาคนมีประสบการณ์การประพฤติปฏิบัตินะ คนมีประสบการณ์การทำงานเขาทำงานของเขา เขาหาเลี้ยงชีพของเขา ประสบการณ์ของเขาทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตของเขา ไอ้คนมีปริญญาบัตร ๕ ใบ ๑๐ ใบต้องไปเป็นลูกจ้างเขา แต่ถ้าเขามีอำนาจวาสนา เขาทำของเขาได้ นั่นก็วาสนาของเขา วาสนาของเขานะ แต่เราล่ะ

เวลาครูบาอาจารย์สอนนะ ไม่ให้ไปยึดติดในอดีตและอนาคต ให้ในปัจจุบันนี้ ปัจจุบันนี้แก้ไขได้ ปัจจุบันนี้ ปัจจุบันนี้เราจะแก้ไขไปในทางที่ใด ไม่ใช่มันเหี้ยมาแล้วก็จะทำเหี้ยต่อไป มันเหี้ยมาแล้วก็ต้องให้แก้ที่นี่ มันแก้กันที่นี่ ปัจจุบันนี้มันแก้ไขได้

ถ้ามันแก้ไขไม่ได้ มันเป็นสิ่งไม่มีชีวิต คนตายแล้วเท่านั้น เห็นไหม เวลาเขาบอกคนนั้นยิ่งใหญ่ คนนี้เป็นคนดีคนชั่ว เขาบอกอย่าเพิ่งไปชม ต้องให้มันตายก่อน วันไหนดินกลบหน้ามันจะรู้ว่ามันดีหรือชั่วจริง ถ้าดินยังไม่กลบหน้านะ มันยังมีชีวิตอยู่ มันยังดัดจริตได้ มันยังปลิ้นปล้อนได้อยู่ นี่เวลาสิ่งที่มีชีวิต เห็นไหม ฉะนั้น ให้อยู่กับปัจจุบันนี้ อย่าให้มันดัดจริต อย่าให้มันปลิ้นมันปล้อน

เรามีศีล เรามีสติเท่าทันมัน มันอยากกินนักก็อย่าไปกินมัน ไปกินทำไม น้ำที่ไหนก็กินได้ ทำไมต้องไปกินแอลกอฮอล์ น้ำเปล่าๆ ก็กินได้เว้ย ทำไมต้องไปกินน้ำแอลกอฮอล์ด้วย ทำไมต้องไปดัดจริตมัน มีสติทันมันสิ ไหนว่าเป็นพระไง พรรษาเยอะด้วย เป็นอาวุโสด้วย แต่ทำสู้เขาไม่ได้ ทำสู้พระเล็กเณรน้อยไม่ได้

พระเล็กเณรน้อยเขายังซื่อสัตย์กับธรรมและวินัย ไอ้นี่มันไม่ซื่อสัตย์ มันไม่ซื่อสัตย์กับธรรมวินัย มันเป็นไปไม่ได้ นี่ผีเข้า ผีเข้าทำให้ตัวเองเสียหาย แล้วตัวเองเสียหายนึกว่าไม่มีใครรู้นะ ไม่มีหรอก ความลับไม่มีในโลกนี้ ความลับไม่มีที่ลับที่แจ้ง ถ้าไม่มีที่ลับที่แจ้ง จบ ต้องมีสติปัญญาเท่าทันก็จบแล้ว รู้อยู่ มันถูกหรือผิด ถ้ามันผิดก็ไม่ทำ มันไม่ทำ

แต่ถ้าบอกว่า ถ้าลงใจแล้วทำเลย เป็นเรื่องของหมู่คณะ

ลงใจใคร ทำเรื่องอะไร

ไอ้คำว่า “หมู่คณะๆ” มันเป็นของสาธารณะ มันเป็นของหมู่สงฆ์ เห็นไหม

ครอบครัวทางโลกเขา ครอบครัวใคร ตระกูลของใคร พอบวชมาแล้วเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น

ถ้าเป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะลงอุโบสถอยู่นี่ สามัคคีอุโบสถ เราต้องมีความสามัคคีกัน เราต้องมีความรู้จักกัน เราจะพึ่งพาอาศัยกัน เราจะระลึกถึงกัน ใครเจ็บไข้ได้ป่วยที่ไหน เราจะพาไปโรงพยาบาล ใครเจ็บไข้ได้ป่วยเราจะรักษา ใครทุกข์ใครยากเราจะช่วยเหลือเจือจานกัน

นี่ไง แต่เดิมในประเทศไทยเขายกย่องสรรเสริญวงกรรมฐานมาก ว่าวงกรรมฐานรักใคร่กันมาก วงกรรมฐานเขาจะรู้จักกัน แล้ววงกรรมฐานเดี๋ยวนี้มันเป็นกรรมฐานที่ไหนล่ะ

หลวงตาท่านติเตียนประจำนะ เทศบาลหนึ่ง เทศบาลสอง เกิดธรรมไม่ได้ แล้วเวลาไปวิเวกกลับมา มันไปได้ยาเสพติดมาหรือไปได้คุณธรรมมา

เวลาไป ไปยาเสพติดทั้งนั้น ไปในสถานที่ที่รูป รส กลิ่น เสียงที่มันเย้ามันยวนไง

นี่ไง รูป รส กลิ่น เสียง เป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร มันเป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้ เข้าไปหามัน เข้าไปยอมจำนนกับมัน แล้วกลับมาก็มาคุยโม้ มีศักยภาพ มีลูกศิษย์ลูกหา มีคนยกย่องสรรเสริญ...ธรรมและวินัยเกิดตรงนั้นใช่ไหม

แต่เดิมวงกรรมฐานๆ ลูกศิษย์หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านช่วยเหลือเจือจานกันมา ท่านคุ้มครองดูแลกันมา ท่านเป็นหมู่คณะ ถึงเข้มแข็งมาจนป่านนี้ไง ไอ้เรารุ่นปลายอ้อปลายแขม นี่ไง กลายเป็นผีเข้าไปหมดเลย

ถ้ามันผีเข้าโดยภาวนา ลูกศิษย์กรรมฐานเขาช่วยเหลือกัน เขาพยายามแก้ไขกัน แต่ถ้าไอ้ผีกิเลสเข้า มันไม่มีเหตุมีผล มันเหยียบย่ำทำลายคนอื่น แล้วมันจะให้คนอื่นยอมรับมันด้วย มันเป็นไปไม่ได้

คนเขามีความคิด เขามีความรู้สึก เขายอมรับแต่ความจริง เขายอมรับแต่ความเป็นธรรมวินัย เขารับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก รับมารไม่ได้หรอก เพราะในตัวของทุกๆ คนมันก็มีอยู่เต็มหัวใจแล้ว ใครบ้างไม่มีกิเลส ใครบ้างไม่โดนกิเลสบีบบี้สีไฟ โดนทุกคนน่ะ มันเผาลนทุกคน เผาลนในใจนี้

แล้วที่เรามาบวชกันนี้ เรามาปฏิบัติกันนี้ เรามาเป็นหมู่คณะกันเพราะอะไร ก็เพราะปรารถนาอยากจะหาสถานที่ใช่ไหม เราปรารถนาจะหาที่ที่ลงใจใช่ไหม เราปรารถนาจะหาที่ที่ว่า ถ้ามันปฏิบัติไปแล้ว ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เราต้องการผู้ที่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม สัจธรรมที่ความเป็นจริง ไม่ใช่มันปลิ้นมันปล้อนมาบิดมาเบือน

อริยสัจมีหนึ่งเดียว ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์

เวลามันอยาก ทุกข์ไหม เวลามันอยาก มันอยากแล้วมันดีดมันดิ้น มันทุกข์ไหม ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ เหตุมันคืออะไรล่ะ ทำไมไม่ดูมัน ทำไมไปวิ่งเต้นหามันมาล่ะ แล้วเอามา เอามาทำลายพระกรรมฐานทั้งกลุ่ม เอามาทำลายสังฆะสงฆ์ทั้งหมด เอามาทำไม มันไร้สาระ

ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ที่เราแสวงหากัน แสวงหาความจริงกันอยู่นี่ไง ที่เรามาเป็นคณะ เป็นหมู่คณะกันน่ะ หมู่คณะนะ มีอะไรพึ่งพาอาศัยกัน เวลาประพฤติปฏิบัติไปแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติใหม่ มันก็มีอาวุโส ภันเต ผิดถูกก็คุยสอบถามกัน

ถ้าสอบถามกันไม่ได้ เราก็มีหัวหน้า มีหัวหน้าเป็นผู้ที่รับผิดชอบ หัวหน้าที่รับผิดชอบนั้นจะเป็นคนวินิจฉัยว่าสิ่งที่ทำมามันถูกหรือไม่ถูก

แล้วทำไมต้องวินิจฉัย ทำไมไม่เป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกล่ะ

เป็นปัจจัตตัง เป็นปัจจัตตังของกิเลสหรือเป็นปัจจัตตังของธรรมล่ะ

ถ้าเป็นปัจจัตตังของธรรม โอ้โฮ! ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น อู๋ย! สุดยอด ถ้าเป็นปัจจัตตังของกิเลสนะ “แหม! สุดยอดเลย ไปบอกหลวงพ่อไม่ได้หรอก หลวงพ่อไม่ยอมรับ หลวงพ่อก็ด่ากูอีก กูต้องเอากู” นี่ถ้าเป็นปัจจัตตังของกิเลส มันก็เข้าข้างมันอยู่นั่นน่ะ การว่าเข้าข้างมันจะเป็นความจริงได้อย่างไร

แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ อ้าว! หลวงพ่อพูดผิด เราก็สวนสิ สวนหลวงพ่อเลย

เวลาหลวงตานะ เวลาท่านพูด ถ้าเราสอนผิด จะพาไปเฝ้าพระพุทธเจ้า

นี่ถ้าสอนผิดจริงๆ ในพระไตรปิฎกมันก็เปรียบเทียบได้ คนที่ฉลาดนะ มันเปรียบเทียบเข้าไปในพระไตรปิฎก แล้วก็เอามาเปรียบเทียบกัน แล้วเอามาวิเคราะห์วิจัย

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีกำมือในเรานะ แบ แบให้ตรวจสอบ แบให้ตรวจสอบ แบให้มาวิเคราะห์วิจัย การวิเคราะห์วิจัย ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ แต่มันต้องเป็นพวกที่เป็นสุภาพบุรุษฟังเหตุและฟังผล

เวลาวงกรรมฐานเราคุยกันนะ เขาชนะกันด้วยเหตุผล เวลาชนะกันด้วยเหตุผลเพราะเหตุผลเราไม่เท่าท่าน เหตุผลเราไม่มี ต้องยอมรับ พอยอมรับ เราก็ขวนขวายของเรา

โอ้โฮ! ไม่ใช่ว่า หาเหตุผลมาแค่นี้เกือบตายแล้ว แล้วยังไม่ใช่อีกหรือ ยังจะต้องไปอีกใช่ไหม

อ้าว! ก็ความจริงมันเป็นอย่างนั้นน่ะ ความจริงสัจจะมันเป็นอย่างนั้น มันไม่ใช่เป็นที่ความพอใจหรือไม่พอใจของคน สัจจะความจริงมันก็ต้องเป็นสัจจะความจริงใช่ไหม คนที่มีอำนาจวาสนาบารมีทำของใหญ่ก็เหมือนของเล็ก คนที่ไม่มีอำนาจวาสนาบารมีทำของเล็กก็เหมือนของมันใหญ่

เราไม่มีอำนาจวาสนาบารมี เราทำได้แค่นี้ เราก็นึกว่านี่สุดยอดแล้ว แต่ความจริงมันของเล็กไง ไม่มีอำนาจวาสนาทำของเล็กเหมือนของใหญ่ คนที่มีอำนาจวาสนาบารมีทำของใหญ่เหมือนของเล็ก เขาทำมาแล้วของพื้นๆ เรื่องธรรมดา มันต้องมากกว่านี้ไง อู้ฮู! อู้ฮู! อีกแล้ว

ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ถ้าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เรามาบวช เราแสวงหาอย่างนี้ไง แสวงหาเหตุหาผล หาข้อเท็จจริง หาความจริง เรามาหาความจริงกัน เราไม่ใช่มาปิดมาบังกัน มาดัดจริต มาปลิ้นปล้อนกัน เราไม่ใช่มาอย่างนั้น ถ้ามาอย่างนั้นไม่ต้องมา ที่อื่นเยอะแยะไป เขาหาที่ไหนก็ได้ แต่พวกเรามาหา หาความจริงกันไง ถ้าหาความจริงกันแล้วให้มันเป็นสัจจะเป็นความจริง อย่าทำตัวให้ผีเข้า ผีกิเลสเข้า ผีอยากดังอยากใหญ่อยากมีอำนาจเข้า ไร้สาระ

เรามาเพื่อความตรวจสอบ มาเพื่อการกระทำ มาเพื่อความสัจธรรม เรามาเพื่อความจริงในธรรมและวินัยที่บริษัท ๔ ชาวพุทธเขายกย่องสรรเสริญกันอยู่นี่ไง ถ้ามันเป็นความจริง ให้ตรวจสอบที่ไหนก็ได้ ความจริงยิ่งโดนตรวจสอบ ยิ่งโดนไฟแผดเผามันยิ่งแวววาวๆ ไง

ถ้าเป็นสัจจะความจริง สัจจะความจริงมันไปกลัวอะไรล่ะ กระมิดกระเมี้ยนหลบๆ หลีกๆ มันไม่ใช่ สัจจะความจริงเป็นสัจจะความจริง เว้นไว้แต่สังคมนั้นเป็นสังคมของมาร สังคมของพวกเปรต บัณฑิตเขาไม่เข้าไปหรอก เขาหลบเขาหลีก

หลบหลีกเพราะว่าสถานที่อย่างนั้นมันไม่ใช่สัตบุรุษ สถานที่อย่างนั้นมันเป็นที่อยู่ของโจร สัตบุรุษไม่เข้าไปในสังคมอย่างนั้นหรอก เอาทองไปแลกกับหิน เป็นไปไม่ได้ ทองเขารู้ว่าทอง เขาไม่เข้าไปอยู่ในสังคมอย่างนั้น ถ้าคนที่เขามีสติ เขามีปัญญา เขารู้จักคัดเลือก เขารู้จักคัดแยกของเขา

นี่ไง เราทำตัวเรานะ ทำตัวเราให้เป็นพระ อย่าทำตัวให้เป็นผี อย่าทำตัวให้ผีเข้า ทำลายตัวเอง แล้วคิดว่าตัวเองทำถูกต้อง คิดว่าไม่มีใครรู้ใครเห็น...เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง เอวัง